เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับคนรักการกินอาหารญี่ปุ่นอย่างเราที่ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเดินเข้าห้างหรือเข้าตามตรอกซอยใดก็มักจะเจอะเจอกับร้านอาหารญี่ปุ่นหลากหลายแบรนด์ ส่วนหนึ่งที่สะท้อนความสำเร็จของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นก็คือจำนวนสาขาที่ขยายไปในหลายพื้นที่ โดยคราวนี้เราจะแนะนำ เช่นร้านอาหารญี่ปุ่น ที่โด่งดังในประเทศไทย กันใน บทความ 10 สาขาใหญ่ของเหล่าแฟรนไชส์ ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังว่าต้นตำหรับเขาอยู่ที่ไหน EP.1 เรื่องนี้ ที่จะขอพาทุกคนวาร์ปไปกินสาขาแม่หรือสาขาต้นตำหรับในญี่ปุ่นแทน เผื่อไปเที่ยวญี่ปุ่นทริปหน้าทุกคนอยากจะลิ้มลองว่าร้านโปรดเหล่านี้มีส่วนเหมือนหรือต่างอย่างไรกับที่เราคุ้นเคยในไทยกันบ้าง
10 สาขาใหญ่ของเหล่าแฟรนไชส์ ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังว่าต้นตำหรับเขาอยู่ที่ไหน
ร้าน Mo-Mo-Paradise
เริ่มกันที่ร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูชาบูกับสุกียากี้ร้านโปรดในใจหลายคนอย่างโม โม พาราไดซ์ที่เปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 และมีสาขากว่า 10 ประเทศทั่วโลก สำหรับสาขาที่ญี่ปุ่นนั้นรับผักสดๆ มาจากฟาร์มในจังหวัดอิบารากิ ใช้เนื้อวากิวพันธุ์ขนดำเกรด A5 และเนื้อวัวญี่ปุ่นอร่อยๆ อีกหลายส่วน นอกจากนี้ไม่ว่าสาขาใดก็ตกแต่งบรรยากาศภายในร้านได้ดูดีมีระดับ ให้ความรู้สึกถึงมื้อแสนพิเศษอยู่เสมอ สาขาต้นกำเนิดของโม โม พาราไดซ์อยู่แถวย่านคาบุกิโจ (Kabukicho) ในโตเกียว ซึ่งปัจจุบันย้ายไปอยู่บนอาคาร Humax Pavilion Shinjuku ในบรรยากาศหรูสุดๆ ถ้าเป็นคนที่ชื่นชอบร้านนี้อยู่แล้วควรค่าอย่างยิ่งที่จะไปลิ้มลองรสชาติออริจินัลถึงที่ โดยมี 3 ราคาให้เลือก ได้แก่ 3,000/5,000 และ 7,000 เยน (ไม่รวมภาษี) ซึ่งจำกัดเวลารับประทาน 1 ชั่วโมง 40 นาที
ที่อยู่ : ชั้น 8 Humax Pavilion Shinjuku, 1-20-1 Kabukicho, Shinjuku-ku, Tokyo
การเดินทาง : ลงสถานีเซบุชินจูกุ (Seibu-Shinjuku Station) เดินจากสถานีเซบุชินจูกุ ประมาณ 4 นาที
เวลาทำการ : จ.-ศ. 16:00-22:00 น., ส.-อา. 11:30-22:00 น.
ร้าน Gyu-Kaku
ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างเจ้าดังที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในญี่ปุ่นอย่างกิวคาขุ ซึ่งสิ่งที่โดดเด่นของร้านนี้คือคุณภาพวัตถุดิบที่ดีเกินราคา โดยเฉพาะเนื้อคารูบิที่ปรุงมาในหลายรสชาติ รวมไปถึงเครื่องในส่วนต่างๆ ที่น่ากินทั้งนั้น โดยบางสาขาในญี่ปุ่นนั้นจะให้บริการเป็นแบบอะลาคาร์ทด้วย และยังเป็นร้านเจ้าของเดียวกับร้านบุฟเฟ่ต์ชาบู องยาไซ (Onyasai) ทำให้ทั้งสองร้านมักอยู่ใกล้ ๆ กัน โดยกิวคาขุสาขาแรกอยู่ใกล้กับสถานีซันเกนจายะ (Sangen-jaya Station) ในเขตเซตากายะ (Setagaya) ของกรุงโตเกียว ที่หน้าร้านจะมีอักษร 本店 ตัวใหญ่มาก หมายถึง “สาขาแม่” เปิดเมื่อปี ค.ศ. 1996 แบ่งบุฟเฟ่ต์ออกเป็น 3 ราคา เริ่มต้น 2,980 เยนต่อคน โดยเมนูก็จะมีทั้งส่วนที่เหมือนและต่างจากสาขาในไทย แต่เมนูจำพวกเนื้อหลักๆ จะเหมือนกัน ถ้ามีโอกาสลองไปใช้บริการที่สาขาในญี่ปุ่นก็สามารถเปรียบเทียบรสชาติดูได้
ที่อยู่ : ชั้น 1 Keioharo Building, 1-33-19 Sangenjaya, Setagaya-ku, Tokyo
การเดินทาง : ลงสถานีซันเกนจายะ (Sangen-jaya Station) เดินจากสถานีซันเกนจายะ ประมาณ 3 นาที
เวลาทำการ : จ.-ศ. 16:00-22:00 น., ส.-อา. 11:30-20:00 น.
ร้าน Tenya
ร้านข้าวหน้าเทมปุระเทนยะ หรือที่ญี่ปุ่นเรียกกันว่า Tendon Tenya เป็นร้านโปรดของคนญี่ปุ่นสายประหยัด ด้วยราคาที่ถูกแต่สามารถกินกุ้ง ปลา หรือผักชนิดต่างๆ ที่นำไปชุบแป้งเทมปุระได้แบบจุใจ อีกทั้งรสชาติซอสที่ราดมาก็เป็นจุดที่ต่างจากเทมปุระที่อื่น หากสังเกตป้ายร้านจะเขียนภาษาอังกฤษว่า ASAKUSA ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทเจ้าของร้านนั่นเอง สาขาแรกของเทนยะอยู่ที่ย่านร้านอาหารชั้นใต้ดินละแวกสถานีโตเกียว เปิดเมื่อปี ค.ศ. 1989 ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่ที่เดิม บรรยากาศก็จะสลัวๆ ตามแบบฉบับร้านที่อยู่ใต้ดิน ให้ความรู้สึกส่วนตัว ปัจจุบันมีสาขาทั่วโลกประมาณ 230 สาขา จัดเป็นร้านข้าวหน้าเทมปุระจากญี่ปุ่นที่มีสาขามากที่สุด เมนูข้าวหน้ากุ้งเทมปุระ (Tendon) ขนาดปกติราคา 500 เยน (รวมภาษี) ซึ่งถือว่าเป็นจานที่ราคาเป็นมิตรต่อกระเป๋าสตางค์อย่างมาก (สามารถใช้เหรียญ 500 เยนเพียงเหรียญเดียวจ่ายได้)
ที่อยู่ : ชั้นใต้ดิน B1 Yaesu Shopping Mall, 2-1-1 Yaesu Chuo-ku, Tokyo
การเดินทาง : ลงสถานีโตเกียว (Tokyo Station) เดินจากสถานีโตเกียว ประมาณ 4 นาที
เวลาทำการ : จ.-ศ. 11:00-22:00 น., ส.-อา. 11:00-20:00 น.
ร้าน Pepper Lunch
บางคนอาจจะงงว่าเปปเปอร์ ลันช์เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นด้วยเหรอ ใช่แล้วเปปเปอร์ลันช์คือร้านสเต๊กสัญชาติญี่ปุ่นที่นำเสนอเมนูสเต๊กในสไตล์คนญี่ปุ่นอย่างแฮมเบิร์กเสิร์ฟบนกระทะร้อน 300 องศา ทั้งข้าวทั้งสเต๊กจึงร้อนจนคำสุดท้าย อีกทั้งซอสนั้นผสมผสานระหว่างโชยุและกระเทียมทำให้ถึงแม้จะเป็นสเต๊กแต่ยังมีรสชาติความเป็นญี่ปุ่นอยู่ด้วย โดยที่ญี่ปุ่นมีสาขาหลากหลายรูปแบบมาก ทั้งแบบบ้านเดี่ยว แบบตึกแถว แบบร้านในฟู้ดคอร์ท สำหรับเปปเปอร์ ลันช์สาขาแรกนั้นเปิดที่ย่านโอฟุนะ (Ofuna) ในเมืองคามาคุระ (Kamakura) จังหวัดคานางาวะเมื่อปี ค.ศ. 1994 ขณะนั้นมีเมนูสเต๊กเพียง 6 เมนูและสลัดเท่านั้น ปัจจุบันแม้สาขาแรกจะไม่มีแล้ว แต่ยังมีอีกหลายสาขาที่เราสามารถลิ้มลองบรรยากาศได้ อย่างสาขาคาบุกิโจ (Kabukicho) ในชินจูกุ แม้จะไม่กว้างมากแต่เรียกได้ว่าเป็นสาขาที่ดีไซน์สวยที่สุดสาขาหนึ่งเลย โดยเมนูซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง Beef Pepper Rice ราคา 700 เยน มีกลิ่นหอมพริกไทยดำซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้านนั่นเอง
ที่อยู่ : ชั้น 1 Ito Building, 1-21-2 Kabukicho, Shinjuku-ku, Tokyo
การเดินทาง : ลงสถานีเซบุชินจูกุ (Seibu-Shinjuku Station) เดินจากสถานีเซบุชินจูกุ ประมาณ 1 นาที
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่ 11:00-23:00 น.
ร้าน Katsuya
ร้านคัตสึยะเป็นร้านข้าวหน้าหมูทอด (Katsudon) และเมนูหมูทอด (Tonkatsu) ที่ได้รับความนิยมในไทยมาตลอดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จุดเด่นของร้านนี้คือให้ปริมาณทั้งข้าวทั้งกับเต็มจาน ใครกินก็ต้องอิ่มท้อง ในขณะเดียวกันก็ใส่ใจในเรื่องรสชาติ แต่สิ่งที่ดึงดูดให้ผู้คนกลับมากินที่ร้านบ่อยๆ ก็คือการตั้งราคาที่จับต้องได้ ในขณะที่บรรยากาศในร้านก็สะอาดสะอ้านแต่ไม่หรูหราเกินจนคนทั่วไปไม่กล้าเข้าไปใช้บริการ ค.ศ. 1998 คัตสึยะสาขาแรกได้เปิดให้บริการที่เมืองซางามิฮาระ (Sagamihara) ในจังหวัดคานางาวะ ในปีถัดมาจึงขยายแฟรนด์ไชส์ไปหลายจังหวัดในญี่ปุ่นไปจนถึงต่างประเทศ จนในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 20 ปีก็มีจำนวนสาขามากถึง 461 สาขาทั่วโลก สำหรับข้าวหน้าหมูทอดจานเล็ก ราคาที่ญี่ปุ่นอยู่ที่ 539 เยน (รวมภาษี) หน้าตาโดยทั่วไปไม่ต่างจากของสาขาในไทย แต่คงต้องลองกินเปรียบเทียบดูว่าจะเหมือนกันมากน้อยเพียงใด
ที่อยู่ : 2-8-4 Sagamiono, Minami-ku, Sagamihara-shi, Kanagawa-ken
การเดินทาง : ลงสถานีซางามิโอโนะ (Sagami-Ono Station) เดินจากสถานีซางามิโอโนะ ประมาณ 11 นาที
เวลาทำการ : เปิดทุกวันตั้งแต่ 10:00-00:30 น
สรุป
แล้วก็จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับสำหรับ บทความ 10 สาขาใหญ่ของเหล่าแฟรนไชส์ ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังว่าต้นตำหรับเขาอยู่ที่ไหน EP.1 เรื่องนี้ เป็นยังไงกันบ้างถูกใจเพื่อน ๆ กันรึป่าว ถ้าชื่นชอบล่ะก็อย่าลืมติดตามบทความในครั้งหน้ากันด้วยนะครับ