เคยสงสัยกันมั้ยครับว่าทำไมปลานอร์เวย์อย่างแซลมอน ทำไมถึงกลายมาเป็นอาหารญี่ปุ่นได้ในปัจจุบัน ทั้งที่แซลมอนก็มีต้นกำเนิดอยู่ที่นอร์เวย์แท้ ๆ โดยไม่ได้ใกล้กับประเทศญี่ปุ่นเลยสักนิด สำหรับในครั้งนี้เราก็จะพาทุกท่านไปหาคำตอบกันผ่าน บทความ เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ ปลา Sake หรือ ปลาแซลมอน อาหารญี่ปุ่นยอดฮิตขวัญใจคนไทย เรื่องนี้ ที่เราได้รวบรวมเรื่องที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับ Salmon ที่ถ้าคุณได้รู้แล้วรับรองว่าจะต้องทึ่งได้ พร้อมพาทุกคนไปรู้จักกับแซลมอนทุกชนิดกัน รวมไปถึงข้อควรระวังเกี่ยวกับกินปลาชนิดนี้ด้วยเช่นกัน
ปลา Sake คืออะไร
- ปลา Sake ก็คือชื่อเรียกของ ปลาแซลมอน ในภาษาญี่ปุ่น แต่คนญี่ปุ่นนั้นจะใช้ต่างกัน โดยคำว่า Sake ซาเกะ หรือ ชาเกะ จะใช้เรียกปลาแซลมอนที่พบเจอได้ในตามธรรมชาติ ที่ไม่นิยมมาทานดิบ จึงทำให้คนญี่ปุ่นเรียกเมนูแซลมอนที่ปรุงสุกว่า ซาเกะ ส่วนคำว่าแซลมอนหรือซามงนั้น จะใช้เรียกชื่อปลาแซลมอนที่ผ่านการเพราะเลี้ยงจากฟาร์ม ที่มีความสะอาดมากกว่าและสามารถทานดิบได้นั่นเอง ส่วนสาเหตุผลที่ทำไมปลานอร์เวย์นั้นกลายมาเป็นอาหารญี่ปุ่นได้ ไว้เราจะเล่าให้ฟังกันในบรรทัดด้านล่างนะครับ แต่อย่างแรกเราไปดูกันก่อนดีกว่าว่าปลาชนิดนี้มีกันอยู่ทั้งหมด กี่สายพันธุ์กัน
ปลา Sake หรือ Salmon มีกี่ชนิด
- Salmon Atlantic เป็นปลาแซลมอนที่อาศัยอยู่ในทะเล แถบแอตแลนติด เป็นปลาแซลมอนที่พบเจอได้มากที่สุด และ เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ตามร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไป ส่วนใหญ่มักจะใช้แซลมอนชนิดนี้
- Chinok or King Salmon คือปลาแซลมอนที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดในบรรดาสายพันธุ์ทั้งหมด เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 60 กิโลกรัม ในเวลาที่มีอายุได้ 4 ปี เป็นปลาแซลมอนที่มาราคาสูง เพราะขนาดตัว และ เนื้อของแซลมอนชนิดนี้จะมีไขมันแทรกมากกว่าแซลมอนชนิดอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน สามารถพบได้ในท้องทะเลแปซิฟิกเหนือฝั่งอเมริกา และ แม่น้ำทางตอนเหนือของอลาสกา
- Chum Salmon คือปลาแซลมอนที่อาศัยอยู่ในทะเลแปซิฟิก คือปลาแซลมอนชนิดที่คนญี่ปุ่นไม่กลาทานแบบดิบ เพราะจะมีพยาธิจากอาหารที่ปลาชนิดนี้กินเข้าไป และ เป็นแซลมอนที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมนำเนื้อมารับประทานกันสักเท่าไร แต่จะนิยมไปที่การนำไข่ของปลาชนิดนี้มาประกอบอาหารแทน เพราะว่า Chum Salmon เป็นสายพันธุ์ที่มีไข่อยู่มาก ซึ่งข้อสังเกตุง่ายของแซลมอนชนิดนี้ก็คือฟันขนาดใหญ่ดูอันตราย ที่ถ้าเจอกันก็อย่าเผลอเอามาทานดิบกันนะครับ
- Coho Salmon คือ สายพันธุ์แซลมอนที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับที่ 2 สามารถพบเจอได้ในทะเลแปซิฟิกทางตอนเหนือ มีขนาดตัวปานกาล ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับสายพันธุ์ Chinook Salmon แต่จะมีขนาดตัวที่เล็กกว่า ถ้าอาศัยอยู่ในทะเลจะมีผิวสีเงิน แต่ถ้าจับได้ที่แม่น้ำก็จะมีสีออกแดง ส่วนมากจะนิยมแบบที่เติบโตในทะเลมาทานกันมากกว่า
- Humpback Salmon or Pink Salmon คือแปลแซลมอนที่อาศัยอยู่ในทะเลแปซิฟิกเหนือ และ แถบอลาสกา เป็นแซลมอนที่มีขนาดตัวเล็กที่สุด สังเกตุได้ง่ายจากกระโดงหลังและจะมีอายุเฉลี่ยเพียง 2 ปีเท่านั้น ส่วนเนื้อมีสีส้มอ่อนมีไขมันน้อยนิยมนำมาทานกันแบบรมควัน จะได้รสสัมผัสและรสชาติที่หอมละมุนมาก ๆ
- Sockeye Salmon
เป็นแซลมอนที่อาศัยอยู่ในทะเลแปซิฟิกตอนเหนือ มีเนื้อสีแดงส้ม และมีไขมันแทรกอยู่น้อย จึง เหมาะกับการรับประทานขณะไดเอทมากเลยทีเดียว Sock eye salmon เป็นปลาแซลมอนชนิดที่มีรสชาติอร่อยที่สุด และราคาจะแพงที่สุดในจำพวกปลาแซลมอน แต่จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก
มีน้ำหนักประมาณ 6-10 ปอนด์
- Steel Head Salmon จะเป็นปลาแซลมอนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนปลาเทราท์มาก ๆ จนขนาดคนนำชื่อไปเรียกว่าแซลมอนเทราท์ แต่ถึงยังไงปลาชนิดนี้ก็จัดอยู่ในตระกูลปลาแซลมอน แต่ก็จะไม่นิยมรับประทานกันมากนักในญี่ปุ่น เพราะมีลักษณะคล้ายปลาเทราท์มาก ๆ จนแยกรายละเอียดได้ยาก จะไปนิยมในแถบยุโรป และ อเมริกากันมากกว่า
เรื่องหน้ารู้เกี่ยวกับปลา Sake หรือ Salmon
เคยสงสัยกันมั้ยครับว่าปลาแซลมอนที่มีต้นกำเนิดมาจากนอร์เวย์แท้ ๆ ทำไมถึงกลายมาเป็นอาหารญี่ปุ่นได้ ในครั้งนี้เล่าก็จะมาเล่าให้ฟังไปด้วยเลย เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ในปี 1970 ที่ในช่วงเวลาดังกล่าว ประเทศญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาการเติบโตของเศรษฐกิจอาหารทะเลไม่เพียงพอ ที่เกิดประชากรในประเทศต้องการรับประทานวัตถุดิบเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน จนนำไปสู่ปัญหาการออกล่าสัตว์ทะเลต่าง ๆ ที่เกินความจำเป็น จนต้องทำให้รัฐบาลในเวลานั้นต้องออกล่าอาหารทะเลจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อนำเข้ามา ซึ่งประจับเหมาะกับช่วงเวลานั้นในประเทศนอร์เวย์เกิดปัญหาแซลมอนล้นตลาด ที่ในนอร์เวย์มีฟาร์มเพราะเลี้ยงปลาแซลมอนอยู่มาก จึงทำให้ทั้ง 2 ประเทศตกลงจับมือกันนำแซลมอนจำนวนมากเข้ามาทำการตลาดที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ถึงอย่างไรภาพจำของคนญี่ปุ่นที่มีต่อแซลมอนนั้นจะเป็นปลาแซลมอนแม่น้ำที่มีพยาธิไม่สามารถทานดิบได้ ถึงแม้ว่าแซลมอนของนอร์เวย์จะเป็นแซลมอนฟาร์มที่ไม่มีพยาธิแล้วก็ตาม ก็ยังไม่อาจซื้อใจคนญี่ปุ่นได้อยู่ดี แต่พอในช่วงเวลานั้นเป็นยุค 1980 พอดี ซึ่งเป็นช่วงที่ร้าน Sushi มือหมุนกำลังเข้ามาได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่นมาก ๆ ทางทีม Project Japan ที่สร้างขึ้นมาเพื่อโปรโมทอาหารนอร์เวย์ในญี่ปุ่น ที่นำทีมโดย Bjorn Eirik Olsen ไปเสนอขาย ปลา Salmon กับ ร้าน Sushi สายพานทั่วญี่ปุ่นจนทำให้เมนูนี้กลายเป็นที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน เพราะตั้งแต่คนญี่ปุ่นเปิดใจและยอมรับว่าปลาแซลมอนทานดิบได้ ก็ยิ่งทำให้ร้าน Sushi&Sashimi ขาดวัตถุดิบชนิดนี้ไปไม่ได้เลย
- สำหรับอีกหนึ่งข้อที่เราอยากให้ทุกท่านควรระวังกันนั่นก็คือเวลาไปสถานที่ที่ไม่ใช่ประเทศญี่ปุ่น แล้วไปเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นของที่นั่นแล้วไปสั่งเมนูนี้คุณอาจจะเจอ ปลาแซลมอนที่ไม่ใช่แซลมอนก็เป็นได้ เพราะตั้งแต่ที่ประเทศจีนอนุญาติเรียกปลาเรนโบว์เทราท์ว่าแซลมอนได้ ก็เจอปัญหาของเลียนแบบมากมาย เพราะ 1 ใน 3 ปลาแซลมอนที่วางขายอยู่ในประเทศจีนนั้นล้วนแต่เป็นปลาเรนโบว์เทราท์ทั้งสิ้น แถมยังมีรูปร่างหน้าตาและรสชาติรสสัมผัสที่เหมือนกันจนอาจจะทำให้แยกไม่ออกได้ เช่นดังรูปในภาพที่อาจจะต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ ถ้าเราไปเจอเอง โดยข้อสังเกตุที่จะสังเกตุง่าย ๆ ก่อน สำหรับภาพด้านบนคือปลาแซลมอน โดยเนื้อของแซลมอนจะมีขนาดที่อ้วนและจะสีอ่อนกว่า รวมไปถึงเส้นใยลายไขมันก็มีน้อยกว่าปลาเทราท์ ถ้าสังเกตุปลาเรนโบว์เทาท์ในภาพล่างเราจะเห็นได้ว่า เนื้อของเทราท์จะมีสีที่สดกว่าและมีเส้นใยที่มากกว่าแซลมอน แต่เรื่องของความอร่อยนั้นแซลมอนจะมีรสสัมผัสที่ตอบโจทย์กับคนเอเชียมากกว่า และ ปลาเทราท์อาจจะไม่สะอาดเท่าแซลมอน
สรุป
สำหรับปัจจุบันนี้ ในแต่ละพื้นที่ของประเทศญี่ปุ่นก็จะมีสายพันธุ์ปลาแซลมอนของตัวเองอยู่มากมาย ซึ่งล้วนเป็นสายพันธุ์ท้องถิ่นที่เกิดจากการเพราะเลี้ยงตามสูตรของแต่ละที่ โดยทุกวันนี้ในญี่ปุ่นก็มีแซลมอนมากกว่า 80 สายพันธุ์เลย ส่วนจะมีสายพันธุ์ไหนน่าสนใจบ้างนั้น ไว้เราจะทำมาฝากในครั้งหน้านะครับ และสุดท้ายนี้หวังว่าทุกท่านจะสนุกไปกับ บทความ เรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ ปลา Sake หรือ ปลาแซลมอล อาหารญี่ปุ่นยอดฮิตขวัญใจคนไทย ของเราเรื่องนี้กันทุกคนนะครับ ที่เราได้รวบรวมเรื่องที่ควรรู้เกี่ยกับแซลมอนแบบจัดหนักจัดเต็ม ส่วนในครั้งน่าเราจะมีบทความที่น่าสนใจแบบไหนมานำเสนอกันอีก โปรดติดตามกันด้วยนะครับ สวัสดีครับ bluewolf-japan
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> เว็บบาคาร่า