10 ร้านอาหารชื่อดังจากเมืองเกียวโต ที่ทุกคนไม่ควรพลาด

หากพูดถึงเมืองเกียวโต ก็จัดเป็นอีกหนึ่งจังหวัดอันเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่นที่ในอดีตเคยถูกยกให้เป็นเมืองหลวง ตั้งแต่ในสมัยการปกครองระบบโชกุนของญี่ปุ่น ที่ในเมืองนี้จะเต็มไปด้วยปราสาทขององค์จักพรรดิ์และสถานที่ท่องเที่ยวแนวประวัติศาสตรอีกมากมาย และ รวมไปถึงวัฒนธรรมการกินของเมืองนี้ด้วยเช่นกัน ที่จะเต็มไปด้วยเมนูท้องถิ่นในรูปแบบเฉพาะตัวมากมาย ซึ่งในครั้งก่อนเราก็ได้พาทุกท่านไปรู้จักกับเมนูทั้ง 10 ที่ไม่ควรพลาดจากเกียโตกันไปแล้ว ในครั้งนี้เราจะทุกท่านไปดู 10 ร้านอาหารชื่อดังจากเมืองเกียวโต ที่ทุกคนไม่ควรพลาด กันบ้าง ที่ในบางร้านนั้นก็มีอายุเก่าแก่เท่า ๆ กับเมือง ๆ นี้เลย ซึ่งในแต่ละร้านที่เรารวบรวมมาให้กันในวันนี้ก็ล้วนแต่เป็นร้านขึ้นชื่อของทั้งชาวเมืองและนักท่องเที่ยว รวมไปถึงเมนูเด็ดต่าง ๆ จากทางร้านที่ไปแล้วต้องสั่งเราก็ได้รวบรวมมาไว้ในบทความเรื่องนี้กันแล้ว ส่วนจะมีร้านอะไรบ้างนั้นเราไปรับชมพร้อม ๆ กันเลยครับ 

10 ร้านอาหารชื่อดังจากเมืองเกียวโต 

ร้าน Wajo ryomen

• หากมาเกียวโตแล้วอยากรับประทานเรียวเมงแบบฉบับของเกียวโตก็ต้องมากันที่ร้านนี้เลย ที่เมนูเด็กของที่นี่คือราเมงเครื่องในหรือที่เรียกกันว่าเรียวเมง ที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน และ หากทานได้ยากจากที่อื่น ๆ โดยราคาก็จะอยู่ที่ 900 เยนเท่านั้น ส่วนการเดินทางก็มาได้ง่าย ๆ เพราะจะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟคะระซุมะเพียง 5 นาทีเท่านั้น สามารถเดินเท้ามาที่ร้านได้เลย ซึ่งเวลาทำการของร้านก็จะเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.30-22.00 น.

ร้าน katoya shijo nibo jito 

• สำหรับร้านราเมงที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับต้น ๆ ก็ต้องยกให้กับร้านนี้เลย เพราะนอกจากอาหารที่แสนอร่อยแล้ว ภายในร้านยังมาในบรรยากาศที่เงียบสงบช่วยให้ผ่อนคลายในระหว่างรับประทานได้ โดยที่ไม่อึดอัด ซึ่งเมนูเด็ดของที่ร้านนี้ก็จะเป็นราเมงน้ำซุปปลากะตัก ที่ทำมาจากวัตถุดิบในท้องที่ ซึ่งระคาก็จะเริ่มต้นที่ 700 เยน เท่านั้น ส่วนเวลาทำการของร้านก็จะเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-23.00 น. ส่วนการเดินทางก็มาไม่ยากเมื่อลงรถไฟแล้วก็สามารถปักหมุดมาที่ร้านได้เลย 

ร้าน togakushi soba

• สำหรับร้านนี้ยังคงอยู่กันที่เมนูเส้น ที่ถ้าหากใครกำลังโหยหาโซบะก็ต้องห้ามมองข้ามร้านนี้เลย ที่จะมากับเมนูโซบะและอุด้งให้เลือกสั่งมากมาย แถมเมนูของที่นี่ก็จะอยู่ในราคาที่คุ้มค่าโดยจะเริ่มต้นที่ 700 เยนเท่านั้น แถมในบางเทศกาลทางร้านก็จะปรับราคาให้เหลือ 900 เยนทุกเมนูเลยด้วย ซึ่งร้านก็หาได้ไม่อยากโดยจะตั้งอยู่ที่ปลายสะพานโทเก็ตสึเคียว ที่ใครมาที่นี่แล้วคิดถึงโซบะก็ต้องแวะร้านนี้ โดยร้านจะเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา  10.00-15.30 น. เท่านั้น

ร้าน Shoraian

• สำหรับใครร้านนี้จะเป็นร้านอาหารสุดคลาสสิคในบรรกาศป่าภัยที่จะรวบรวมเมนูเต้าหู้ ที่เป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองเกียวโตมาให้เลือกทานกันมากมาย ที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงและเข้าใจวัฒนธรรมการรับประทาน Yodaifu ของคนเกียวโตได้อย่างถ่องแท้ แถมยังมีของหวานมากมายที่ทำมาจากเต้าหู้ให้ลองรับประทานกันด้วย ซึ่งทางร้านก็จะหายากเล็กน้อยและควรเดินทางมาด้วยรถยนต์ แต่รับรองเลยว่าคุ้มค่าแน่นอน โดยจะอยู่ทางเกียวโตตะวันตกที่ห่างจาก อาราชิยามะเพียง 0.5 กิโลเมตรเท่านั้น ก็จะเปิดตั้งแต่ 10.00-20.00 น. ในวันศุกร์ , เสาร์ , อาทิตย์ และ เปิด 10.00-17.00 น. ในวันธรรมดา

ร้าน Komefuku Shijo Karasuma

• คือร้านอาหารประเภทเทมปุระที่จะทำให้คนรักเมนูชุบแป้งทอดสไตล์ญี่ปุ่น ได้สนุกเพลิดเพลินและอิ่มหนำสำราญกับเมนูเทมปุระที่มีมากมายให้เลือกมากกว่า 30 ชนิด ส่วนเมนูแนะนำที่มาแล้วต้องทานเลยจะเป็น ข้าวหน้าเทมปุระแบบแน่น ๆ ในราคา 800 เยน ส่วนเวลาทำการของทางร้านก็จะเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-23.00 น. เลย แต่การเดินทางมาไม่อยากโดยปักหมุดที่ Google Map ได้เลย แต่ก็ต้องมาแบบเผื่อเวลากันสักเล็กน้อยเพราะร้านนี้จะคิวแน่นตลอดวัน 

ร้าน Sukemasa gyoza

• สำหรับคนรักเกี๊ยวซ่าก็ต้องห้ามพลาดที่จะมาร้านนี้เลย เพราะท่านจะได้รับประทานเกี๊ยวซ่าที่มีรสชาติแสนอร่อยของเกี๊ยวซ่าสูตรเฉพาะของเกียวโต ซึ่งเมนูแนะนำก็จะเป็นเซ็ตเกี๊ยวซ่า 12 ชิ้น ที่จะเสิร์ฟมาพร้อมข้าวและผักดอง ในราคาเพียง 750 เยนเท่านั้น ส่วนเวลาทำการของทางร้านก็จะเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.30-22.00 น. ส่วนร้านก็จะตั้งอยู่ในย่าน Horinouchi Cho 

ร้าน Tomi Sushi kyoto

• สำหรับใครที่อยากทาน Sushi แสนอร่อยก็ต้องห้ามพลาดที่จะมาร้านนี้เลย เพราะนอกจากจะได้ทาน Sushi ที่ทำจากวัตถุดิบสุดพรีเมี่ยมแล้ว ยังสามารถรับประทาน เทะมาริซูชิ ที่เป็นเมนูขึ้นชื่อของเกียวโตได้จากที่นี่อีกด้วย ซึ่งราคาก็แสนจะคุ้มค่าโดยจะเริ่มต้นที่ 30 เยนต่อ 1 คำเท่านั้น และ ท่านยังสามารถรับประทานอาหารในรูปแบบ Omakase ได้ที่นี่อีกด้วยในคอร์สเมนู Omakase Nigiri ที่จะอยู่ในราคา 2,000 เยน ต่อ 1 คอร์สเท่านั้น แถมยังได้รับประทานอาหารจากเชฟมืออาชีพอีกด้วย ส่วนเวลาทำการของทางร้านก็จะเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 17.00-00.00 น. แต่สำหรับที่ตั้งของทางร้านก็จะดูลับ ๆ เล็กน้อย แต่รับรองว่าคุ้มค่า

ร้าน Hinode Udon kyoto

• สำหรับร้านนี้ก็แวะกับมากันที่เมนูเส้นอีกหนึ่งชนิดอย่างอุด้ง ที่จะเป็นร้านเก่าแก่ประจำเมืองที่ขายโดยคุณยายเพียงคนเดียว ในบรรยากาศร้านที่เสมือนกับบ้านของตัวเอง โดยราคาของอุด้งแต่ละชามก็จะเริ่มต้นที่ 400 เยนเท่านั้น โดยเมนูที่มีราคาสูงสุดก็จะอยู่ในราคาที่ไม่เกิน 800 เยนเท่านั้น และ จะเปิดในเวลา 11.00-15.00 น. เท่านั้น และ ปิดทุกวันอาทิตย์ 

ร้าน Nakamura Tokichi Honten Matcha Cafe

• สำหรับร้านนี้เป็นร้านที่สาย Matcha ต้องหลงรัก เพราะจะจำหน่ายโดยเฉพาะชาเขียวคุณภาพดีที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วเท่านั้น ที่มีตั้งแต่ผงชาไปยันเครื่องดื่มจากชาเขียวในรูปแบบต่าง ๆ และยังอัดแน่นไปด้วยเมนูขนมหวานสุดพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นจาก Matcha คุณภาพดีรสชาติต้นตำหรับที่มีให้เลือกมากมายจนไม่อยากกับบ้านกันเลย ซึ่งเมนูยอดฮิตของที่นี่ก็จะเป็น Matcha Namacha Jelly ที่เป็นเยลลี่รสชาเขียวมัทช่ะสุดเข้มข้นในราคาเพียง 990 เยนเท่านั้น และยังมีไอศครีม Matcha ให้รับประทานอีกมากมาย ส่วนที่ตั้งของร้านก็หาได้ไม่ยากเพราะเปิดอยู่ในเมืองเกียวโตถึง 2 สาขา โดยหนึ่งสาขาอยู่ที่สถานีรถไฟเกียวโต และ อีกหนึ่งสาขาอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า JR Ichitan Kyoto

Kawa Cafe

• และ มาปิดท้ายกันที่คาเฟ่ที่มีวิวหลักล้าน ขอเมืองเกียวโตที่ตัดผ่านโดยแม่น้ำคะโมะงะวะ ได้ที่ริมระเบียงของร้านเพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินกับมื้ออาหารสไตล์สากล ที่จะมีเมนูให้เลือกรับประทานมากมาย ที่จะรองรับนักท่องเที่ยวจากทุกชนชาติได้ จึงเป็นร้านที่ได้รับความนิยมมาก ๆ อีกหนึ่งร้าน ส่วนเมนูอาหารก็จะมีราคาเริ่มต้นที่ 1,000 เยนเท่านั้น โดยตัวร้านก็จะตั้งอยู่ริมแม่น้ำคะโมะงะวะที่อยู่ห่างจากเมืองไปเล็กน้อย ส่วนเวลาทำการก็จะเปิดตั้งแต่ 10.00-20.00 น. ไม่มีวันหยุด

เรียกได้ว่านอกจากเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมสุดล้ำค่าแล้ว ในส่วนของเมนูอาหาร และ ร้านอาหารต่าง ๆ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรพลาดเช่นกันหากได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่เกียวโตแห่งนี้ และ สุดท้ายก่อนจากกันในครั้งนี้เราหวังว่าบทความ 10 ร้านอาหารชื่อดังจากเมืองเกียวโต ที่ทุกคนไม่ควรพลาด เรื่องนี่ จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านทุกท่านได้นะครับ สำหรับวันนี้ก็ต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในบทความครั้งหน้านะครับ สวัสดีครับ