เชื่อว่าหลาย ๆ ท่าน ที่เคยเห็นการกินซูชิ สไตล์ญี่ปุ่นที่กำลังเป็นกระแสโด่งดังอยู่ในช่วงเวลานี้ ก็อาจจะมีความสนใจปนสงสัยในคราวเดียวกันอยู่บ้าง ว่าทำไมผู้คนถึงต่างชื่นชอบการกินรูปแบบนี้กันมาก และ ยอมที่จะจ่ายในราคาแพง ๆ เพื่อแลกเพียง ซูชิไม่กี่เมนูเท่านั้น สำหรับวันนี้เราจะพาทุกท่านไปไขคำตอบกันว่า การรับประทานอาหารแบบ omakase คืออะไร ทำไมบางคอร์สถึงมีราคาหลักหมื่น จากข้อมูลที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกท่าน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ สไตล์การกินอาหารรูปแบบนี้ ซึ่งอย่างแรกต้องแจ้งกันก่อนเลยว่า Omakase นั้นไม่ได้แพงอย่างที่คิด ซึ่งในบางที่ก็เริ่มต้นเพียง 1,000 บาท เท่านั้น แถมสำหรับเรา การรับประทานอาหารรูปแบบนี้ ยังเป็นอีกหนึ่งสไตล์การกินอาหารญี่ปุ่น ที่ทุกคนควรต้องลองสักครั้งในชีวิต และ ก่อนที่จะไปหาลองกันนั้นเรามาทำความรู้จักกับรูปแบบการกินสุดฮิตไปพร้อม ๆ กันเลย
Omakase คืออะไร
สำหรับคำว่า Omakase ถ้าแปลจากภาษาญี่ปุ่นเลย จะหมายความว่า ตามใจเชฟ หรือ Chef’s Tabla นั่นเอง ซึ่งสไตล์การกินแบบนี้จะตามความหมายเลย ก็คือตามใจเชฟ โดยลูกค้าจะไม่สามารถรับรู้ก่อนได้ว่าเชฟจะเสริฟเมนูอะไรมาให้ก่อน แต่สำหรับการกินแบบ Omakase ทุกครั้งสิ่งแรกที่ไปถึงร้านเลย คือเชฟจะนำวัตถุดิบมาให้ทุกท่านได้ดูและรับทราบกันก่อน หากมีวัตถุดิบประเภทไหนที่ลูกค้าแพ้หรือไม่สามารถรับประทานได้ก็สามารถแจ้งเชฟได้เลย ซึ่งสาเหตุหลักที่คอร์ส Omakase ไม่สามารถแจ้งเมนูและวัตถุดิบให้ลูกค้าทราบก่อนวันที่จะมาถึงได้นั้นก็เป็นเพราะว่า การกินรูปแบบนี้ตัวเชฟจะเลือกสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดของวันมาให้เท่านั้น ซึ่งในหนึ่งคอร์สตัวเชฟก็จะรังสรรค์เมนูสุดพิเศษจากวัตถุดิบที่มี ออกมาเป็น ออเดิร์ฟเปิดต่อมรับรส อาหารเมนหลักต่าง ๆ ไปจนถึงของหวานสุดพิเศษที่จะไม่เหมือนกันในแต่ละวัน และ เมนูทั้งหมดล้วนแต่เป็นเมนูสุดเซอร์ไพร์สที่ทำขึ้นสด ๆ โดยเชฟมืออาชีพ ที่ไม่สามารถหาได้จากการทาน Sushi รูปแบบอื่น ๆ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้การกินแบบ Omakase ดูมีราคาค่อนข้างสูง และ เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่คนรักอาหารญี่ปุ่นไม่ควรพลาด ส่วนในหนึ่งคอร์สนั้นจะประกอบไปด้วยเมนูอะไรบ้าง เราไปรับชมกันในย่อหน้าถัดไปเลยครับ
Omakase มีเมนูอะไรบ้าง
สำหรับเมนูนี้ส่วนใหญ่ อาหารจานหลักของคอร์สจะมาในรูปแบบ Sushi แต่ทว่าก็ไม่ได้มีแค่ Sushi เพียงอย่างเดียว เพราะในบางฤดูการที่วัตถุดิบเฟื่องฟูก็อาจจะได้ชิม ซาซิมาจากปลาทะเลเกรดพรีเมี่ยมที่จะเสิร์ฟมาในหลากหลายรูปแบบบางทีก็เบิร์นกันสด ๆ ให้ชมตรงนั้นเลย และ ถ้าช่วงไหนที่มีวัตถุดิบประเภทเนื้อวากิวระดับ A5 สุดพรีเมี่ยม เชฟก็จะรังสรรค์เป็นเมนูสุดพิเศษจัดเข้ามาอยู่ในคอร์สด้วยเช่นกัน ซึ่งเมนูที่กล่าวมาจะจัดอยู่ในช่วงกลาง ๆ ของคอร์ส ที่ผ่านการเสิร์ฟเมนู ออเดิร์ฟของทางร้านแล้ว อย่างเช่นน้ำชาสุดพิเศษ หรือ เมนูสุดเซอร์ไพร์สต่าง ๆ ที่จะมาช่วยเปิดต่อมรับรสก่อนเข้าอาหารจานหลัก เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงรสชาติจากวัตถุดิบสุดพิเศษได้มากที่สุด พอเมื่อจบเมนูหลักต่าง ๆ ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ทางเชฟก็จะปิดท้ายด้วยของหวานอันเริสรสที่จัดมาให้เข้ากับรสชาติของอาหารที่ได้รับประทานไปมากที่สุด เป็นอันจบคอร์ส ซึ่งเมนูทั้งหมดนี้จะถูกรังสรรค์และจัดเรียงโดยเชฟมืออาชีพ จากรสชาติบาง ๆ ไปหารสชาติที่เข้มข้นตามความเหมาะสมของวัตถุดิบแต่ละฤดูกาล
และ ถ้าหากถูกใจบางเมนูขึ้นมาล่ะจะสามารถสั่งเพิ่มได้หรือไม่ สำหรับอันนี้ก็ขึ้นอยู่กับทางร้านแต่ส่วนใหญ่จะสามารถสั่งเพิ่มแบบ Okonomi ได้ แต่คุณจะไม่สามารถทราบราคาได้ก่อน หรือ ต้องวัดดวงกับราคานั่นเอง ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งประเภนีของร้าน Omakase จึงทำให้ผู้คนที่ทราบกันดีไม่นิยมที่จะสั่งกันเพิ่ม และ อดใจมาในครั้งหน้าแต่ก็ต้องแลกมากับความเสี่ยงที่อาจจะไม่ได้พบเจอกับเมนูนี้อีกก็เป็นได้ ซึ่งก็ต้องตัดสินใจกันเองแล้วล่ะครับทีนี้
สิ่งที่ควรต้องรู้เกี่ยวกับ Omakase
- อย่างแรกสิ่งที่เราต้องรู้ก่อนเลยเนื่องจาก สไตล์ Omakase จะเป็นการนำวัตถุดิบที่ดีที่สุดที่หาได้ในแต่ละวันมาทำเท่านั้น จึงต้องแลกมากับการรับลูกค้าได้ในปริมาณที่จำกัดเท่ากับจำนวนวัตถุดิบที่ได้รับมาเท่านั้น
- ซึ่งจากข้อแลกที่ร้านสามารถรับจำนวนคนได้จำกัดต่อวัน ดังนั้นร้าน Omakase ส่วนมากจึงต้องจองก่อนเข้ามารับประทาน พร้อมทั้งสามารถแจ้งอาหารที่คุณแพ้ได้ตั้งแต่ขั้นตอนการจอง และ อีกหนึ่งครั้งตอนเชฟโชว์วัตถุดิบที่จะใช้ หากพบเจออาหารที่รับประทานไม่ได้ก็สามารถแจ้งเชฟได
- สำหรับข้อนี้จากที่ร้านนั้นรับลูกค้าได้น้อยสิ่งหนึ่งที่ควรต้องมีเลยคือเรื่องของมารยาท อย่างเช่นการส่งเสียงดังซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากยิ่งถ้าเป็นร้านในประเทศญี่ปุ่น หรือ ร้านที่มีเชฟเป็นคนญี่ปุ่น จะค่อนข้างจริงจังกับเรื่องนี้มาก ๆ นั่นรวมไปถึงการถ่ายภาพและวีดิโอด้วยเช่นกันที่จะต้องตรวจสอบกฎข้อบังคับของทางร้านก่อนว่าสามารถถ่ายได้หรือไม่ และ ไม่ควรถ่ายติดลูกค้าท่านอื่น หรือ เชฟ ก่อนจะขออนุญาติ
- ส่วนข้อนี้สำหรับท่านใดที่ยังไม่ทราบว่าร้าน Omakase บางร้านนั้นมีข้อกำหนดในเรื่องของกลิ่นกายหรือกลิ่นน้ำหอมด้วย ถ้าหากใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นแรงเกินไปมันจะไปรบกวนต่อมรับรส หรือ กลบกลิ่นของอาหารรบกวนผู้อื่นได้ เพราะฉะนั้นการไปร้าน Omakase แต่ละครั้งไม่ควรใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นฉุนหรือโดดเด่นจนเกินไป
- ถ้าคุณไม่ได้แพ้อาหารแต่วัตถุดิบนั้นเป็นสิ่งที่คุณไม่ชอบ เนื่องจากเหตุผลใด ๆ ก็ตาม ก็ขอให้ควรลองอีกครั้งจากการปรุงและรังสรรค์โดยเชฟมืออาชีพที่อาจจะทำให้คุณกลับมายกให้เป็นเมนูโปรดได้เลย ยิ่งในบางร้านที่ เชฟเฟรนลี่คุณสามารถบอกเชฟถึงประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับวัตถุดิบนี้ แล้วเชฟจะทำให้คุณเปลี่ยนความคิดไปได้เลย
- และสิ่งสำคัญเลยที่อาจจะทำให้เชฟไม่พอใจได้ คือการจิ้มวาซาบิหรือโชยุมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้รสชาติของวัตถุดิบในเมนูสุดล้ำค่าที่เชฟได้ตั้งใจทำขึ้นนั้นผิดเพี้ยนไปได้
Omakase จะคิดราคายังไง
สำหรับราคาของ Omakase นั้น หากเปรียบเทียบกับซูชิเป็นชิ้น หรือ การสั่งซูชิแบบเป็นเซ็ทตามร้าน การรับประทานซูชิในรูปแบบโอมากาเสะจะมีราคาที่แพงกว่า เพราะจะใช้วัตถุดิบที่ต่างออกไป มีกระบวนการทำที่ทำขึ้นสด และ เมนูมีความพิเศษมากกว่าซูชิปกติ โดยที่เห็นกระบวนการทำจากเชฟที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าร้านโอมากาเสะทุกร้านจะมากับราคาที่แพงเสมอไป ส่วนระดับราคาของร้าน Omakase ในประเทศไทยนั้นก็จะมีเริ่มต้นตั้งแต่ 790 บาทไปจนถึง หลัก 10,000 บาทที่เป็นร้านระดับมิชลินสตาร์เลยก็มี ส่วนระดับราคาร้าน Omakase ในประเทศญี่ปุ่นนั้นก็จะเริ่มต้นที่ 3,000-30,000 เยน ตามเกรดและระดับของวัตถัดิบที่ทางร้านเตรียมมา ซึ่งแต่ละคอร์สแต่ละครั้งก็อาจจะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป แล้วแต่ฤดูกาลซึ่งสามารถสอบถามราคากับทางร้านได้ตั้งแต่ขั้นตอนการจองเลย
และสำหรับ 5 ร้าน Omakase น่าสนใจในประเทศไทยที่เราจัดมาไว้ให้ ก็อยู่ในลิงค์ด้านล่างนี้เลย
สรุป
เป็นยังไงกันบ้างครับ หลังจากที่ได้อ่าน บทความ การรับประทานอาหารแบบ omakase คืออะไร ทำไมบางคอร์สถึงมีราคาหลักหมื่น เรื่องนี่ ของเราแล้วก็หวังว่าทุกท่านจะพอทราบข้อมูลและวัฒนะธรรมประเพณีเบื้องต้นของการรับประทานอาหารสไตล์ญี่ปุ่นแบบ Omakase กันบ้างแล้ว ซึ่งก็เป็นหนึ่งรูปแบบการกินที่ควรต้องลองสักครั้งในชีวิตเลย bluewolf-japan