สำหรับท่านใดที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นสายเนื้อตัวพ่อ ที่ผ่านการรับประทานเนื้อวากิวเกรดพรีเมี่ยมมาแล้วมากมาย ทั้งการทานดิบและแบบปรุงสุก หรือ อีกหลาย ๆ เมนู แต่ก็ยังไม่เคยลองรับประทานเนื้อม้า Basashi จาก ญี่ปุ่น แล้วล่ะก็ อย่าพึ่งนับว่าเป็นตัวพ่อเลยครับ เพราะหนึ่งในเนื้อที่ถูกยกให้ล้ำค่ามากกว่าเนื้อวัวบนโลกนี้ก็มีเนื้อม้านี่แหละ ที่ทำให้กล้าพูดว่าอร่อยกว่าได้ โดยในวันนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักกับ วัฒนธรรมการรับประทานเนื้อม้าของคนญี่ปุ่น เริ่มกันมาตั้งแต่เมื่อไรทำไมถึงเป็นที่นิยม ผ่านบทความเรื่องนี้กันครับ รับรองว่าคุ้มค่ากลุ่ม Meat Lover อย่างแน่นอน เพราะเราจะพาทุกท่านย้อนไปชมกันถึงจุดเริ่มต้นของวัตถุดิบสุดหายาก ราคาแสนแพงชิ้นนี้ กันเลย ว่าใครกันที่เป็นคนค้นพบว่าเนื้อม้าเป็นเนื้อที่อร่อยไม่แพ้เนื้อวัววากิวเลย
คนญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการรับประทานเนื้อม้า มาตั้งแต่เมื่อไร
- หากพูดถึงม้าภาพจำของคนไทยหลาย ๆ คน กับ ผู้คนอีกหลายประเทศ จะนับว่าม้าคือพาหนะมากกว่าการมองเป็นอาหาร แต่สำหรับที่ญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างที่จะแตกต่างออกไป เพราะคนที่นี่เขาใช้ม้าทั้งเป็นพาหนะและเป็นอาหารมากันตั้งแต่ในสมัยโบราณ ที่มีประวัติเป็นอาหารคู่คนญี่ปุ่นมานานกว่า 2,000 ปี แล้ว ที่ได้รับวัฒนธรรมมาจากมองโกล ที่ได้นำม้าเข้ามาทำปศุสัตว์ แต่พอมาในปี ค.ศ. 675 องค์จักรพรรดิเท็มมุซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์แรกของประเทศญี่ปุ่น ได้สั่งห้ามรับประทานเนื้อสัตว์ จึงอาจจะเชื่อได้ว่าคนญี่ปุ่นกินเนื้อม้ากันมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นอีก แต่ที่ได้บันทึกเอาไว้ชัดเจนที่สุดจะเป็นตำนานของเมืองคุมาโมโตะ ที่เริ่มมาจาก นายพลคาโต้ คิโยมาสะ ขุนศึกคนญี่ปุ่นที่ใช้ม้าออกศึกเป็นประจำ ทำให้มีม้าล้มตายเป็นจำนวนมากในสงคราม แต่ขุนพลคนนี้ก็ไม่ได้สั่งให้นำซากม้าไปทิ้งแต่อย่างใด แต่ให้เอาไปใช้เป็นเสบียงแทน จนทำให้ผู้คนที่นี่รู้ถึงความอร่อยของเนื้อม้ากันเป็นอย่างดี จากนั้นจึงพัฒนาเนื้อม้าสายพันธุ์พื้นเมืองของตัวเองให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นเรื่อยมาจนปัจจุบัน การที่เมืองแห่งนี้ถูกรายล้อมด้วยภูเขาและทะเล ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์และมีวิธีการเลี้ยงแบะสูตรอาหารที่เป็นรูปแบบเฉพาะตัวจนโดยจะให้เป็นอาหารที่เป็นผลผลิตของเมือง ๆ นี้เท่านั้น ทำให้เนื้อม้าของคุมาโมโตะขึ้นชื่อว่าเป็นเนื้อม้าที่ดีที่สุดในโลก โดยเราจะสังเกตเห็นลายหินอ่อนของเนื้อม้าจากคุมาโมโตะมีแทรกอยู่เยอะมาก ๆ ที่อยู่ในระดับเดียวกับเนื้อวาหิว A5 เลย หรืออาจจะสูงกว่าด้วยซ้ำไป และ เป็นเนื้อที่ขึ้นชื่อว่าสะอาดกว่าเนื้อวัว ทำให้คนญี่ปุ่นนิยมนำมาทานดิบกันมากที่สุด และ เนื้อม้าจะมีการเรียกแตกต่างกันออกไป โดยหลัก ๆ จะเรียกกัน อยู่ 3 ชื่อ ได้แก่
- บาซาชิ Basashi คือชื่อเรียกของเมนู ซาชิมิ เนื้อม้า คือการนำเนื้อม้สแบบดิบมาแล่ให้เป็นชิ้นบาง ๆ พอดีคำ โดยที่จะไม่ผ่านความร้อนอะไรเลย รับประทานคู่กับ โชยุ และ วาซาบิ เหมือน ซาชิมิ ทั่วไป
- บานิคุ Baniku คือวิธีการเรียกเนื้อม้าแบบที่ผ่านการปรุงมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการหมักซอส หรือ ใช้เครื่องเทศสูตรพิเศษ จะมีทั้งแบบปนุ่งสุก และแบบดิบ โดยส่วนมากชื่อนี้จะใช้เรียกจำพวกเมนู สเต๊ก , ซูชิ และ เมนูเนื้อม้ารูปแบบต่าง ๆ
- ซากุระนิคุ Sakuraniku คือ ชื่อที่ใช้เรียกเนื้อม้าที่มีผลผลิตในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะเนื้อม้าในช่วงนั้นจะเป็นมีขมพูอ่อนเหมือนดอกซากุระ
ม้าที่นิยมนำมารับประทาน มีกี่ชนิด
- ถ้าเราพูดถึงม้า แน่นอนล่ะว่าม้าในโลกนี้มีอยู่มากมายหลายสายพันธุ์แบบที่นับกันไม่ถ้วน แต่หลัก ๆ เราจะแยกชนิดของม้าออก เป็น 2 ประเภทก่อน คือสายพันธุ์เบา จะเป็นม้าเธอร์รัพเบรด และ อาหรับ ที่จะมีน้ำหนักตัวโตเต็มวัยอยู่ที่ 500-600 กิโลกรัม เป็นม้าที่รูปนางสูงเพรียวนิยมใช้เป็นม้าแข่ง เพราะม้าจำพวกนี้จะวิ่งได้เร็วมาก ๆ ส่วนอีกหนึ่งชนิดก็คือสายพันธุ์หนัก ประกอบไปด้วยม้าเบรตัน , ม้าเพอร์เซอร์รอน และ ม้าจากเบลเยี่ยม ซึ่งม้าสายพันธุ์หนักทั้งหลายนี่แหละคือชนิดที่นิยมมาเลี้ยงเป็นม้าขุนเพื่อใช้เนื้อเป็นอาหาร แต่ก็ใช่ว่าม้าทุกชนิดจะนำมาขุนแล้วอร่อยได้ทุกตัว ที่เมืองคุมาโมโตะจะมีฟาร์ม Senko ที่เป็นเหมือนฟาร์มม้าอันดับหนึ่งอยู่ โดยจะผลิตม้าออกมาในทุก ๆ ปี มาเป็นระยะเวลานาน และ คือหนึ่งในฟาร์มที่ทำเนื้อม้าได้อร่อยที่สุด จากการที่คัดสรรค์มาตั้งแต่สายพันธุ์ม้าชั้นดี ที่นำเข้ามาจากแคนนาดา โดยนำมาเลี้ยงที่ฟาร์มในเมืองคุมาโมโตะ แล้วทำไมถึงต้องเป็นม้านำเข้าจากแคนนาดา ทั้งที่ม้าสายพันธุ์ดี ๆ ของที่อื่นมีอีกตั้งมากมาย ก็เพราะว่าม้าจากแคนนาดานั้นเดิมทีถูกเลี้ยงด้วยอาหารสูตรพิเศษ ที่จะทำให้ปัสวะของม้าใช้ทำเป็นยาได้ ทำให้เนื้อม้าได้รสชาติที่ดีจากอาหารชนิดนี้ไปด้วยจนกลายเป็นหนึ่งในกรรมพันธุ์ และ ที่แคนนาดาอย่างที่ทราบกันว่าเป็นเมืองหนาว ทำให้ม้าของที่นี่สามารถผลิตไขมันได้สูงมากกว่าม้าทั่ว ๆ ไป เมื่อนำมาปรับเลี้ยงที่เมืองคุมาโมโตะที่มีอากาศเย็นสบาย กับสูตรอาหารแบบขุนไม่อั้น และ นำมาผสมกับม้าสายพันธุ์พื้นเมืองจาก Hokkaido ทำให้ได้ม้าสายพันธุ์คุมาโมโตะที่มีรสชาติดีที่สุดออกมาให้เราทาน ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1993 มากันจนทุกวันนี้
ประโยชน์ของเนื้อม้า
- สำหรับคนญี่ปุ่นนั้นจะชอบรับประทานเนื้อม้ากันแบบดิบมาก ๆ แบบที่มากกว่าเนื้อวัวเสียอีก นั่นเป็นเพราะว่าเนื้อม้าเป็นเนื้อที่สะอาดมาก ๆ เพราะปกติอุณหภูมิในร่างกายของม้าจะอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป ทำให้ปรสิตต่าง ๆ อาศัยอยู่ไม่ได้ หรือ จะมีก็มีน้อยกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถแร่ทานสด ๆ เหมือนปลาได้อยู่ดี เพราะก่อนจะมาทำซาชิมินั้น เนื้อม้าจะต้องถูกแช่ในอุณภูมิ -20 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 2 วัน เพื่อกำจัดแบคทีเรียและปรสิตทั้งหมด ถึงจะนำมาทานได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเนื้อม้าเป็นวัตถุดิบที่ให้โปรตีนสูง อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ให้พลังงานมาก และ ประกอบไปด้วยไขมันดี ช่วยบำรุงเลือด ทำให้เลือดสูบฉีด
เกร็ดความรู้
- เพื่อนหลายคนสงสัยกันไหมครับว่าทำไมเนื้อม้าเป็นวัคถุดิบที่หากินยาก และ มีราคาสูงมาก ๆ ซึ่งเราก็มีเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ จะมาเล่าให้ฟัง สาเหตุหลัก ๆ เลยก็ในช่วง 5-6 ปีก่อนนั้น ม้าเป็นสัตว์ที่มีการผสมเทียมยากมาก ๆ แถมมีโอกาสติดน้อยกว่าวัวถึง 30 % ซึ่งวัวจะมาโอกาสที่จะผสมเทียมติดอยู่ 90% แต่ม้าจะมีแค่ 60% เท่านั้น แถมพอมาปี 2016 ที่เมืองคุมาโมโตะก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให่ฟาร์มม้าอันดับหนึ่งอย่าง Senko ได้รับผลกระทบและความเสียหายเป็นอย่างมาก จึงไม่สามารถปลิตเนื้อม้าได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งทำให้เนื้อม้านั้นขาดตลาดลงไป 40% เพราะว่าผลผลิตเนื้อม้าของประเทศญี่ปุ่นทั้ง 40% มาจากฟาร์ม Senko จนต้องสร้างโรงงานใหม่ในปี 2017 ก็มาโดนแผ่นดินไหวซ้ำอีกรอบ ที่กว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ก็หลายปีเลยรอบนี้ และ สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ม้าของเมืองนี้มีรสชาติอร่อย นั่นก็คืออาหารสูตรพิเศษ กับ น้ำที่ให้ม้าดื่ม มาจากแหล่งน้ำสะอาดของเมืองคุมาโมโตะ ที่ขึ้นชื่อว่าสะอาดที่สุด
สรุป
สำหรับทุกท่านที่อ่านมากันจนถึงตรงนี้ มีใครที่สงสัยกันบ้างไหมครับว่าทำไมผมถึงไม่มีชื่อเรียกของเนื้อม้า มีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ทำไมถึงไม่มีชื่อเรียกเป็นภาษาสากลเหมือน เนื้อชนิดอื่น ๆ เช่น Beef , Pork , Chicken นั่นก็เพราะเมื่อพูดถึงม้าภาพจำของแต่ละคนก็ยังคิดกันว่าม้าเป็นพาหนะอย่างหนึ่งอยู่ดี จึงมีแต่คนญี่ปุ่นเท่านั้นที่มีชื่อเรียกให้กับเนื้อม้า และ สุดท้ายก่อนจากกันในครั้งนี้ เราหวังว่าบทความ วัฒนธรรมการรับประทานเนื้อม้าของคนญี่ปุ่น เริ่มกันมาตั้งแต่เมื่อไรทำไมถึงเป็นที่นิยม เรื่องนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านทุกท่านที่ได้แวะเข้ามาชม ผลงานของเราในครั้งนี้ ส่วนครั้งหน้าเราจะมีสิ่งที่น่าสนใจอะไรนำมาฝากทุกท่านอีกนั้น โปรดติดตามเว็บไซด์ของเราด้วยนะครับ สวัสดีครับ bluewolf-japan