เคยสงสัยกันไหมครับว่าการรับประทานเนื้อย่างแบบญี่ปุ่น นั้นต่างกับหมูย่างเกาหลีหรือหมูกระทะบ้านเราอย่างไร ทำไมถึงผู้คนถึงต่างบอกกันว่าเป็นสไตล์การย่างเนื้อที่คนรักเนื้อวัวควรต้องลอง แถมยังมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวที่ค่อนข้างน่าสนใจ ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ เนื้อย่างสไตล์ญี่ปุ่นแบบ Yakiniku คืออะไร ทำไมผู้คนต่างต้องพูดถึง กันครับ ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร แล้วทำไมเนื้อที่ใช้นั้นถึงดูพรีเมี่ยมกว่าที่อื่น แถมสไตล์การย่างก็ดูจะแตกต่างกว่าในรูปแบบอื่น ๆ ที่เราเคยกินกัน ซึ่งอย่างแรกที่เราจะเห็นได้เลยคือเราของเตาย่าง ที่จะใช้เป็นตะแกรงเหล็กย่างถ่านเท่านั้น โดยจะไม่ใช้เตาหรือกระทะเหล็กในการปิ้งเหมือนกับหมูกระทะบ้านเรา หรือ หมูย่างเกาหลีที่ชอบกินกัน จึงทำให้สไตล์การย่างแบบ Yakiniku นั้นจะได้กลิ่นหอมของถ่านมากกว่าในรูปแบบอื่น ๆ ซึ่งดั้งเดิมคนญี่ปุ่นมักจะรับประทานเนื้อย่างสไตล์นี้เนื่องในโอกาสสังสรรค์ แต่ในปัจจุบันนั้นการย่างเนื้อสไตล์นี้นั้นได้รับความนิยมและขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยจึงทำให้มีร้าน Yakiniku มากมายที่ทำเตาย่างสำหรับ 1 ท่านมาให้อีกด้วย และ รูปแบบที่ว่านั้นก็ได้เข้ามาเป็นที่นิยมสำหรับคนไทยที่ชื่นชอบเนื้อย่างมาก ๆ ในปัจจุบันอีกด้วย
Yakiniku คืออะไร
สำหรับคำว่า ยากินิกุ หรือ Yakiniku จะเป็นชื่อเรียกของเนื้อย่างสไตล์ญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อวัวระดับพรีเมี่ยมมาใช้เท่านั้น และ จะไม่ใช้เครื่องหมักหรือซอสปรุงรสใด ๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงรสชาติของเนื้อ ส่วนใหญ่จะเติมแค่เกลือหรือไม่ก็บีบมะนาวเพียงเล็กน้อยหลังจากย่างเนื้อเสร็จเท่านั้น เพื่อให้รสชาติแท้ ๆ ของเนื้อวัวสุดพรีเมี่ยมออกมามากที่สุด ซึ่งเมื่อรวมกับกลิ่นหอมของถ่านญี่ปุ่นเข้าไปก็จะยิ่งชูกลิ่นเนื้อได้อย่างเต็มเปี่ยม และ ถ้าคุณคิดว่าแค่การนำเนื้อสุดพรีเมี่ยมมาวางย่างบนตะแกรงเตาถ่านนั้นคือ Yakiniku แล้ว นั้นผิดถนัดเลย เพราะสิ่งสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของยากินิกุคือการย่างที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนและพิถีพิถันมาก ๆ
โดยเริ่มตั้งแต่การที่เราต้องรอให้อุณหภูมิของตะแกรงย่างนั้นร้อนเต็มที่ก่อน ไม่ว่าจะใช้เป็นแบบตะแกรงย่างโลหะหรือเตาหินภูเขาไฟ ถ้าไม่อย่างนั้นตัวเนื้อที่ไม่ได้ผ่านการหมักซอสใด ๆ จะแห้งติดกระทะ ถ้าคิดว่านี่ยังยากไม่พอเนื้อย่างสไตล์ยากินิกุ จะพลิกเนื้อเพียงครั้งเดียวเท่านั้นจะไม่กลับด้านไปมาเพราะจะทำให้รสชาติของเนื้อเพี้ยนได้ ยิ่งถ้าใช้เนื้อที่เป็นชิ้นส่วนต่างกันอย่างเช่นส่วนที่เนื้อเยอะกับส่วนที่มันเยอะ นั้นก็จะมีระยะเวลาความสุกที่แตกต่างกัน ซึ่งก็ต้องพึ่งประสบการณ์ในการย่างพอสมควร ถ้ายิ่งเป็นเนื้อวากิวระดับ A5 ที่มีไขมันแทรกมาก ๆ ก็จะใช้เวลาย่างเพียงแค่ 3-5 วินาทีเท่านั้น และ ถ้าย่างเนื้อหลาย ๆ แบบในเวลาพร้อม ๆ กันก็จะยิ่งต้องใช้ความชำนาญเพื่อให้รสชาติเนื้อโดดเด่นมากที่สุด จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ดูสนุกท้าทายและยังได้ฝึกทักษะในการย่างสำหรับผู้ที่เป็นสายเนื้อขนานแท้ แต่สำหรับท่านใดที่ไม่ทานเนื้อแต่อยากสัมผัสสไตล์การย่างแบบนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะทางร้านนั้นก็ไม่ได้มีเฉพาะเนื้อวัวเท่านั้น ถึงแม้จะเป็น Main หลักก็ตาม แต่ก็ยังอัดแน่นไปด้วยเนื้อสัตว์นานาชนิตที่สไลด์เตรียมสำหรับการย่างไว้เรียบร้อย ซึ่งจะมีเมนูอะไรบ้างนั้นรับชมกันได้ที่ย่อหน้าถัดไปเลย
Yakiniku มีเมนูอะไรบ้าง
สำหรับร้าน Yakiniku ทุก ๆ ร้าน สิ่งแรกเมื่อเราได้นั่งที่โต๊ะเลย เราก็จะพบกับเมนูที่มากมายหลากหลายจนลายตา ยิ่งถ้ามาครั้งแลกนั้นก็ถึงขั้นเลือกไม่ถูกและใช้เวลาในการสั่งนานมาก ๆ คนสั่งใจลอยคนคอยใจจะขาดกันเลย เพราะเยอะจริง ๆ
- ซึ่งอย่างแรกเลยก็จะเป็นเนื้อวัว แต่เดี๋ยวก่อนเนื้อวัวนี้นอกจากจะมีวัวหลายสายพันธุ์ให้เลือกแล้ว ยังมีหลายเกรดอีกด้วยเท่านั้นยังไม่พอ ยังแยกแยะเจาะจงชิ้นส่วนต่าง ๆ ของวัวออกไปอีกมากมายที่อาจจะต้องเพิ่งผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อในกลุ่มเป็นคนอธิบายกันเลย ว่าชื่อนี้มันคือส่วนไหนของวัว
- ส่วนสำหรับท่านใดที่ไม่ทานเนื้อก็มีเมนูหมูและไก่มาให้ด้วยเช่นกัน แต่อาจจะไม่หลากหลายเท่ากับเมนูเนื้อวัว
- สำหรับลิ้นวัวและเครื่องในเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ค่อนข้างนิยมมาก ๆ เรียกได้ว่าใครที่มาก็ต้องสั่งเมนูนิ้ด้วยกันทั้งสิ้น
- สำหรับร้าน Yakiniku ในปัจจุบันส่วนมากก็จะมีเมนูอาหารทะเลเข้ามารองรับกลุ่มลูกค้าสาย Seafood แล้วด้วยเช่นกัน เพื่อปรับตัวให้สไตล์ Yakiniku นั้นมีความหลากหลายมากขึ้นโดยที่ไม่ได้มีเพียงแค่เนื้อย่างเท่านั้น
- และแน่นอนว่าถ้ามีแต่เนื้ออย่างเดียวก็คงเลี่ยนกันแย่ ผักต่าง ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งย่างที่ผู้คนต่างนำมาย่างบนเตาร้อนทานควบคู่ไปด้วยนั่นเอง ซึ่งใครที่ไม่เคยลองกินผักย่างก็ขอแนะนำเลย
- สำหรับเครื่องดื่มภายในร้านก็มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ตั้งแต่ น้ำชา , น้ำอัดลม , น้ำผลไม้ แต่เครื่องดื่มที่ขายดีที่สุดก็จะเป็นเบียร์ที่สามารถดื่มคู่กับเนื้อย่างได้อย่างลงตัว และ เป็นที่โปรดปรานของชาวญี่ปุ่นมาก ๆ
สิ่งที่ควรต้องรู้เกี่ยวกับ Yakiniku
สำหรับสิ่งที่ควรต้องรู้จะขอเพิ่มเติมในส่วนของการย่างสักเล็กน้อย ซึ่งการย่างเนื้อให้อร่อยที่สุดหลังจากที่เรารอจนเตาร้อนได้ที่แล้ว ให้วางเนื้อลงบนตะแกรงโดยที่แผ่นเนื้อวางราบลงกับเตาทั้งชิ้น เพื่อให้ชิ้นเนื้อได้รับความร้อนอย่างทั่วถึง พอทิ้งไปสักพักเราจะเห็นตัวเนื้อจะมีความชุ่มฉ่ำและน้ำซึมออกมาให้เราพลิกเนื้อทันทีแล้วย่างต่อไปในเวลาที่เท่า ๆ กันกับด้านแรก และ สังเกตปริมาณความชุ่มฉ่ำของเนื้อถ้าเริ่มมีน้ำซึมออกมาเช่นเดิมก็สามารถรับประทานได้ แต่ถ้าท่านใดที่ชอบรับประทานเนื้อแบบ Rare ที่ดิบมากหน่อย ก็สามารถย่างเพียงด้านเดียวจนมีน้ำซึมออกมาก็สามารถรับประทานได้เลย และ สิ่งสำคัญที่สุดคือการรับประทานเนื้อย่างแบบ Yakiniku นั้นไม่ควรย่างเนื้อให้สุกมากเกินไปเพราะปริมาณน้ำในเนื้อจะแห้งและระเหยไปกับความร้อน จะทำให้เนื้อคุณภาพดีนั้นแห้งแข็งจนไม่อร่อยได้ และ สำหรับการรับประทานเนื้อย่างแบบ Yakiniku ให้คุ้มและถูกวิธีที่สุดควรจะเริ่มจาก ผักหรือสลัดเป็นออร์เดิร์ฟลองกระเพราะ ต่อจากนั้นค่อยไปทานเนื้อย่างให้อิ่มน้ำสำราญ เสริมความอยู่ท้องด้วยข้าว จากนั้นค่อยมาปิดท้ายด้วยน้ำซุปมิโซะและของหวาน เป็นอันจบมื้อ แต่จะส่วนมากผู้คนก็มักจะทานเนื้อแบบเต็มอิ่มแล้วไปจบที่ของหวานกันเลย
Yakiniku คิดราคายังไง
สำหรับราคาเฉลี่ยของการรับประทานเนื้อย่างสไตล์ญี่ปุ่นแบบ Yakiniku นั้น ถ้าไม่ได้สั่งเนื้อพรีเมี่ยมเกรดระดับ A5 ก็จะอยู่ในเรทราคา 500-800 บาท ต่อหนึ่งท่าน ขึ้นอยู่กับปริมาณเมนูที่สั่ง แต่ถ้าสั่งเนื้อวากิวระดับ A5 มาหลาย ๆ ชุด ราคาก็ขึ้นไปถึงหลักหมื่นได้เช่นกัน เพราะราคาเนื้อวากิวเกรด A5 ปัจจุบัน จะอยู่ราคากิโลละ 7,000-8,000 บาทเลย
สรุป
เรียกได้ว่าเป็นการย่างเนื้อที่ค่อนข้างซับซ้อนและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ต้องใช้ความชำนาญในการย่างพอสัมควรเลย แต่ก็แลกมากับความอร่อยที่เป็นรสชาติของเนื้อแท้ ๆ แบบที่หมูกระทะหรือปิ้งย่างรูปแบบอื่น ๆ ไม่สามารถทำได้ และทางเราก็หวังว่า บทความ เนื้อย่างสไตล์ญี่ปุ่นแบบ Yakiniku คืออะไร ทำไมผู้คนต่างต้องพูดถึง เรื่องนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านทุกท่านที่กำลังสนใจในสไตล์การย่างเนื้อแบบญี่ปุ่นรูปแบบนี้ ไปใช้บริการที่ร้านได้แบบถูกต้องและคุ้มค่ามากที่สุด ส่วนในวันนี้ก็ต้อง bluewolf-japan ขอตัวลาไปก่อน แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความครั้งหน้า สวัสดีครับ