โยคัง ขนมญี่ปุ่นสุดขึ้นชื่อที่นิยมใช้เป็นของฝาก จากแดนอาทิตย์อุทัย 

สำหรับในวันนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับอีกหนึ่งขนมหวานญี่ปุ่นสุดฮิต ของทั้งคนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวที่แวะมา ต่างก็ต้องซื้อขนมชนิดนี้กลับไปฝากครอบครัวหรือญาติสนิทมิตรสหายกันอยู่เสมอ กับ โยคัง ขนมญี่ปุ่นสุดขึ้นชื่อที่นิยมใช้เป็นของฝาก จากแดนอาทิตย์อุทัย ที่เราจะพาทุกท่านไปดูตั้งแต่ประวัติความเป็นมาจุดเริ่มต้นของความอร่อย ที่ส่งทอดมาตั้งแต่ในสมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ในทุกวันนี้กลายเป็นขนมสุดแนวที่กาลเวลาไม่สามารถทำอะไรได้ ซึ่งขนมชนิดนี้จะมีสิ่งที่น่าสนใจและสิ่งสำคัญที่ควรต้องรู้อย่างไรบ้างเราไปรับชมกันเลยครับ

โยคัง คืออะไร 

สำหรับขนมโยคัง หรือ Yokan พื้นฐานดั้งเดิมจะเป็นขนมที่ทำมาจากถั่วแดงกวนนำมาผสมกับวุ้นและน้ำตาล เป็นขนมที่มีรสชาติหวานไปจนถึงหวานจัด นำมาใส่พิมพ์อัดแท่งเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นขนมชั้นเลิศที่คนญี่ปุ่นนิยมนำมาทานคู่กับชาเขียวที่มีรสขม ทำให้เข้ากับรสชาติหวานจัดของขนมชนิดนี้ได้อย่างลงตัว ซึ่งในปัจจุบันก็จะมีสีสันกับรสชาติให้เลือกมากมายหลายแบบเช่นการใส่ลูกเล่นที่เป็นเนื้อผลไม้เข้าไป และ การสร้างลวดลายต่าง ๆ ด้านใน ซึ่งก็หาซื้อได้ไม่ยากตามร้านสะดวกซื้อ และ ร้านของฝากทั่ว ๆ ไปในประเทศญี่ปุ่นนั้นต่างก็จะมีขนมชนิดนี้วางขายอยู่ทุกแห่งหน แต่สำหรับขนมโยคังเองก็เป็นอาหารญี่ปุ่นอีกหนึ่งประเภทที่ในแต่ละพื้นที่ จะมีกรรมวิธีการทำ และ รูปแบบหรือรสชาติที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่ แต่หลัก ๆ เลย ขนมโยคังนั้นก็จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ 

1. เนริโยคัง Neri Yokan คือ โยคังที่ทำจากถั่วแดงผสมวุ้น ขึ้นรูปโดยใช้แป้นพิมพ์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า แล้วค่อยนำมาตัดเป็นชิ้นพอดีคำ ซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน ที่มากจะใช้กรรมวิธีนี้ด้วยกันทั้งสิ้น และ โยคังที่วางขายอยู่ตามร้านทั่วไปส่วนใหญ่ก็จะเป็นขนมโยคังรูปแบบนี้ 
2.  มุชิโยคัง Mushi Yokan สำหรับโยคังประเภทนี้จะเป็นรูปแบบโบราณที่จะใช้แป้งคุชิกับแป้งสาลี แทนส่วนผสมของวุ้น และ นำไปนึ่งให้แข็งตัวเป็นรูปร่างแทนการใส่แป้นพิมพ์
3. มิซึโยคัง Mizu Yokan คือโยคังที่ใช้ส่วนผสมของน้ำมากกว่าส่วนอื่น ๆ พร้อมช่วยคงรูปด้วยผงวุ้น โดยโยคังชนิดนี้จะนิยมนำไปแช่เย็นเพื่อนำมาทานในฤดูร้อน จะมีได้รับความสดชื่นมากกว่าโยคังทุกรูปแบบ 
4. และนอกจากทั้งหมดที่กล่าวมายังมีโยคังอีกหนึ่งรูปแบบที่ทำจากเต้าเจี้ยวขาว ทำให้มีสีที่ใสจึงสามารถปรุงรสและแต่งสีได้เพิ่มเติม 

• ต้นกำเนิดของโยคัง จะเข้ามาประเทศญี่ปุ่นในครั้งแรก ในสมัยคามาคุระ และ มุโระมาจิ ตั้งแต่ในปี ค.ศ.1191 โดยชาวพุทธนิกายเซน แต่เดิมทีแล้ว โยคังนั้นมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน โดยชื่อของโยคัง มาจากการที่ตัวขนมนั้นทำจากเจลาตินที่ได้จากเนื้อแกะในยุคก่อน แต่เนื่องจากชาวพุทธนิกายเซนที่เป็นผู้ริเริ่มนำเข้ามานั้น ต้องปฏิบัติตามข้อบัญญัติของศาสนาที่ว่าห้ามฆ่าสัตว์ จึงได้มีการเปลี่ยนการใช้เจลาตินจากเนื้อแกะมาเป็นแป้ง กับ ถั่วแดง และ มีวุ้นเข้ามาเป็นส่วนผสมในภายหลังช่วงประมาณ ยุคเอโดะ ช่วงปี ค.ศ. 1800 จึงทำให้ขนมโยคังกลายเป็นขนมที่นิยมที่สุดของผู้คนตั้งแต่ในช่วงยุคเอโดะกันเลย และ ขนมชนิดนี้ก็ได้มีวิวัฒนาการต่อมาจนถึงปัจจุบัน อย่างเช่นคุณสมบัติในเรื่องของการเก็บรักษาได้นาน โดยสถิติสูงสุดจะเป็นของยี่ห้อ อิมุระยะ ที่สามารถคิดค้นวิธีการเก็บรักษาได้เป็นระยะเวลายาวนานมากที่สุดถึง 5 ปี 6 เดือนกันเลย เพื่อให้ขนมชนิดนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่สามารถใช้กักตุนเป็นอาหารสำรองในยามเกิดภัยพิบัติได้นั่นเอง เพราะตัวโยคังนี้เป็นขนมที่สามารถดูดซึมสารอาหารและกักเก็บเอาไว้ได้ในอุณหภูมิที่ปกติโดยที่ไม่ต้องใส่ตู้เย็นเลยด้วย และ ในปัจจุบันนี้ก็มีโยคังที่ถูกผลิตออกมามากมายหลากหลายยี่ห้อ นั่นรวมไปถึงสีสันและลวดลายของตัวขนมด้วย ที่ถึงขั้นมีการจัดประกวดกันเลย ว่าใครสามารถทำขนมโยคังออกมาได้มากที่สุด ส่วนโยคังในปัจจุบันนั้นหลัก ๆ จะมีรสชาติอะไรกันบ้างเราไปรับชมกันในบรรทัดต่อไปได้เลย    

โยคัง มีกี่รสชาติ  

• รสถั่วแดง
• รสชาเขียว
• รสถั่วดำ
• รสสาหร่ายแดง
• และ รสอื่น ๆ อีกมากมาย โดยสามารถทำได้อย่างหลากหลาย

• นอกจากนี้ยังมีแบบอิโมะโยคัง ที่เป็นรสมันหวาน โดยที่ทำมาจากมันหวานทั้งหมด แต่จะมีอายุการเก็บรักษาที่สั้นกว่าโยคังมาก ๆ เพราะทั้งส่วนผสมและวิธีการทำนั้นแตกต่างกันนั่นเอง 

• นอกจากนี้ในปัจจุบันก็จะมีโยคังที่รังสรรค์ออกมาเป็นงานศิลปะมากมายหลากหลายรูปแบบ และ รสชาตินั้นก็แตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน

สรุป

เรียกได้ว่าสมกับเป็นขนมยอดฮิตของคนญี่ปุ่นจริง ๆ เพราะไม่อย่างนั้นขนมชนิดนี้จะไม่สามารถอยู่มาได้มากกว่า 200 ปีแน่นอน และหลังจากที่เราได้จัดทำ บทความ โยคัง ขนมญี่ปุ่นสุดขึ้นชื่อที่นิยมใช้เป็นของฝาก จากแดนอาทิตย์อุทัย เรื่องนี่ ก็ยิ่งทำให้ได้รู้ถึงคุณสมบัติอีกหนึ่งอย่างของขนมประเภทนี้อย่างเช่นการเก็บรักษาได้เป็นระยะเวลาที่นานมาก ๆ จึงยิ่งทำให้หายสงสัยเข้าไปใหญ่ว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงต้องมีขนมชนิดนี้อยู่ติดบ้านไว้เสมอ และ ก่อนจากกันในครั้งนี้หากท่านใดชื่นชอบผลงานของเรา อย่าลืมติดตามผลงานเรื่องอื่น ๆ ของเราด้วยนะ สำหรับวันนี้ก็ต้องขอตัวลาไปก่อนแล้วพบกันใหม่ในบทความครั้งหน้านะครับ สวัสดีครับ 

เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ไฮโลไทยได้เงินจริง