หากพูดถึงเมืองฟุกุโอกะ ที่เป็นเมืองท่าสำคัญของประเทศญี่ปุ่นนั้น นอกจากจำพวกอาหารทะเลต่าง ๆ ที่ไม่ควรพลาดแล้ว อีกหนึ่งเมนูที่ขาดไม่ได้หากมากที่นี่เลยนั่นก็คือ ราเมง ที่เมืองนี้อัดแน่นไปด้วยร้านราเมงสุดขึ้นชื่อมากมาย โดยในวันนี้เราจะพาทุกท่านไปชี้เป้า 10 ร้านราเมงรสเด็ด ของเมืองฟุกุโอกะ กันครับ ว่าจะมีร้านไหนที่เราไม่ควรพลาดกันบ้าง ซึ่งเมืองฟุกุโอกะก็เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มาร้านราเมงเปิดอยู่มากมาย และ เพื่อไม่ให้ทุกท่านที่ได้ไปนั้นพลาดร้านราเมงชั้นดีของเมืองนี้ เราก็ได้จัดเตรียมทั้ง 10 ร้าน ที่คุ้มค่ากับการไปฝากท้องมากให้ทุกท่านได้รับชมกันแล้ว ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมากันเลย
10 ร่านราเมงรสเด็ด ของเมืองฟุกุโอกะ
ร้าน Hakata Issou
- สำหรับร้านแรกเลยถ้าไม่พูดถึงร้านนี้ก็คงไม่ได้ เพราะถ้าใครไม่ได้มาทาน ฮากาตะราเม็งที่ร้านนี้ก็เหมือนกับว่ามาไม่ถึง ฟุกุโอกะเลย ซึ่งร้านนี้จะอยู่ห่างออกมาจากย่านศูนย์การค้าเล็กน้อย ซึ่งความโดดเด่นสำหรับราเมงของที่นี่ จะเป็นเรื่องของรสชาติที่เป็นสูตรเฉพาะตัวของ 2 พี่น้องตระกูล ยามาดะ ที่เล่าขานกันว่าถ้าได้ลองราเมงของที่นี่เพียงครั้งเดียว คุณจะจดจำรสชาติของราเมงจากร้านนี้ไปตลอดแบบที่ไม่สามารถลืมได้กันเลย ตั้งแต่เส้นบะหมี่ที่มีขนาดใหญ่กว่าของที่อื่น ๆ และ จะใช้เป็นเส้นทรงสี่เหลี่ยม ที่ใส่มาในน้ำซุปสูตรพิเศษรสชาติเรื่องลือ พร้อมอัดแน่นมาด้วยท็อปปิ้งแบบล้นชาม โดยเฉพาะหมูย่างชิ้นโตที่ใส่เข้ามาให้ ส่วนเมนูนั้นก็จะมีให้เลือกมากมายหลายราคาที่เริ่มต้นตั้งแต่ 500 เยน ขึ้นไป และ เมนูแนะนำที่มาแล้วต้องสั่งเลยจะเป็นเมนู Tokuser Ramen ชามโตที่อัดแน่นท็อปปิ้งมาแบบจัดเต็ม ในราคาเพียง 1,000 เยน เท่านั้น
ร้าน Hakata Mujaki
- ร้านต่อมาจะชื่อคล้าย ๆ กับร้านแรก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งร้านที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน เพราะถือว่าเป็นร้านราเมงเก่าแก่ประจำเมืองที่มีรสชาติเลิศรส จากเชฟมือฉมัง ซึ่งบรรยากาศในร้านนั้นก็ค่อนข้างเงียบสงบให้ความรู้สึกเงียบขรึมเหมือนกับว่าเป็นแนวทางร้านอาหารของวัยผู้ใหญ่ที่ต้องการความสงบในระหว่างมื้ออาหาร ส่วนสถานที่ตั้งของร้านก็จะอยู่ห่างจากสถานี ฮากาตะ ไม่ไกลมากสามารถเดินไปได้ และ เมนูที่มาแล้วต้องสั่งเลยจะก็จะเป็น ฮากาตะราเมงต้นตำหรับ ในราคา 630 เยน เท่านั้น ส่วนใครความโดดเด่นของร้านนี้ก็จะเป็นเรื่องรสชาติของน้ำซุปกระดูหมูที่ผสมเข้ากับน้ำซุปโชยุได้อย่างลงตัว แถมตัวเส้นนั้นก็ยังใช้เส้นขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเส้นราเมงสไตล์เอะเค และ สำหรับใครที่อยากได้รสชาติที่เผ็ดขึ้นมาหน่อยก็จะมีเมนู Gekikara Tonkotsu Ramen ที่จะเสิร์ฟราเมงสุดเข้มข้นรสเผ็ดมาให้ในราคา 730 เยน เท่านั้น
ร้าน ikkousha ramen
- สำหรับร้านนี้ก็จะเป็นแบบสไตล์โมเดิร์นที่จะดูทันสมัยขึ้นมาหน่อย โดยภายในร้านจะเป็นบรรยากาศคึกคักสนุกสนานเป็นกันเอง ส่วนพนักงานก็จะมาคอยเอนเตอร์เทรนส่งเสียงเรียกเสียงฮาจากลูกค้าให้ตลอด สำหรับจุดเด่นของร้านนี้เลยคือน้ำซุปที่ข้นมาด้วยฟองพูนชามแบบที่มองไม่เห็นเส้น พร้อมท็อปปิ้งด้วยหมูย่างไซด์ยักษ์ ซึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาดเลยจะเป็นเมนู Ajitama Ramen ในราคา 820 เยน ที่จะมากับน้ำซุปสูตรพิเศษของทางร้าน บวกกับท็อปปิ้งล้น ๆ แบบที่ให้หมูย่างไซด์ยักษ์มาถึง 4 ชิ้นเลย
ร้าน อิปปาจิราเมน 18 Ramen
- สำหรับในร้านนี้ก็จะเป็นร้านราเมงขวัญใจชาวเมือง และ นักท่องเที่ยวสายประหยัดมาก ๆ เพราะในปัจจุบันร้านราเมงในฟุกุโอกะส่วนใหญ่นั้นแทบจะหาราเมงราคาหลัก 500 เยน ไม่ได้เลย ยิ่งในปัจจุบันนั้นก็ปรับขึ้นกันไป 600 เยน กันหมด ถึงแม้จะสั่งเมนูที่เป็นราคาเริ่มต้นก็ตาม แต่ไม่ใช่กับร้าน 18 Ramen ร้านนี้ เพราะไม่ว่าร้านอื่นจะขึ้นราคายังไง ที่ร้านนี้ก็ยังขายราเมงในราคา 250 เยน เสมอ ซึ่งตีเป็นเงินไทยก็อยู่ที่ประมาณ 80 บาท เท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นร้านราเมงที่มีราคาสบายกระเป๋าที่สุดในเมืองเลยก็ว่าได้ และ ค่อนข้างได้รับความนิยมมาก ๆ เพราะนอกจากที่ร้านจะขายในราคาถูกแล้ว ในส่วนของรสชาติเองก็อยู่ในระดับรสเลิศไม่แพ้ราเม็งราคาแพง ๆ เลย ซึ่งต่อให้สั่งแบบพิเศษสุด ๆ ก็อยู่ในราคาที่ไม่เกิน 600 เยน เท่านั้น
ร้าน Tagumi ramen
- สำหรับร้านนี้ก็จะอยู่ใกล้ ๆ กับสถานี้ ฮากาตะ โดยจะเป็นร้านราเมงขนาดเล็กที่จะแขวนโคมกระดาษสีแดงไว้หน้าร้านที่เขียนว่า Ramen ตัวร้านจะตกแต่งเป็นสไตล์ญี่ปุ่นแบบคลาสสิค เป็นร้านราเมงอีกหนึ่งร้านที่มีราคาสบายกระเป๋า โดยราคาก็จะเริ่มต้นที่ 500 เยน เท่านั้น สำหรับเมนูแนะนำของทางร้านก็จะเป็น ราเมงแบบทงคตสึ ที่ร้านนี้จะมีจุเด่นที่น้ำซุปสีครีม กับ ความนุ่มของเส้นที่เราสามารถเลือกระดับได้ตามใจชอบ
ร้าน Unari Shokudo
- สำหรับร้านต่อมาจะเป็นร้านราเมงที่อยู่ในเครือของร้าน อุนาริ ที่ทำเส้นกับน้ำซุปด้วยต้นเองทั้งหมด ซึ่งตัวร้านจะตกแต่งเป็นสไตล์โมเดิร์น ที่จะจัดพื้นที่ภายในร้านให้กว้างขวางนั่งสบาย ซึ่งร้านนี้ก็จะมากับเมนูราเมงและอาหารอื่น ๆ ให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ ส่วนเมนูแนะนำของทางร้านก็จะเป็น Ramen Genova ที่จะเป็นราเมงน้ำซุปกระดูกหมูผสมกับซอสโหระพาสดสไตล์อิตาเลี่ยน ในราคา 700 เยน เท่านั้น และ นอกจากนี้เมนูเครื่องเคียงอื่น ๆ เช่นเกี๊ยวซ่า และ ไก่ทอดแบบต่าง ๆ ก็มีมาให้ด้วยเช่นกัน
ร้าน Uma Uma Ramen
- สำหรับร้านนี้จะค่อนข้างโด่งดังและมีอยู่หลายสาขา มาก ๆ โดยร้านนี้จะอยู่ใกล้ ๆ กับสถานีกิออน โดยที่เดินจากสถานีเพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้น ส่วนราเม็งของที่นี่ก็จะมากับรสชาติสุดเข้มข้นกลมกล่อม ซึ่งเมนูที่มาแล้วต้องสั่งเลย จะเป็นเมนู ฮากาตะราเม็ง ที่เป็นราเมงประจำถิ่นของ ฟุกุโอกะ ซึ่งราคาเริ่มต้นของราเมงที่นี่ ชามเล็กจะมีราคา 450 เยน เท่านั้น ส่วนเมนูที่ควรสั่งจะเป็นราเมงใส่เกี๊ยวแบ Wantan Ramen ที่ขายอยู่ในราคา 850 เยน เท่านั้น
ร้าน Nagahama Number One
- สำหรับร้านนี้จะตั้งอยู่ในศูนย์การค้า ฮากาตะเดย์ทอส โดยจะเป็นร้านราเมงที่ตกเป็นที่นิยมของเหล่าบรรดาหนุ่มสาวออฟฟิศ เพราะที่ร้านนี้ก็มากับราคาเริ่มต้นที่ไม่สูง ที่เริ่มต้นตั้งแต่ 500 เยน เท่านั้น ซึ่งร้านนี้ถ้าใครที่อยากไปลองก็ต้องไปเร็วสักหน่อย เพราะเพียงแค่เทียงของก็อาจจะหมดได้ กรุณาโทรเช็คกับทางร้านก่อนเข้าไปใช้บริการ ส่วนเมนูที่มาแล้วต้องสั่งเลยจะเป็น Special Ramen ที่มาในราคา 750 บาทเท่านั้น
ร้าน Shinshin Ramen
- สำหรับร้านนี้ก็จัดได้ว่าเป็นร้านขึ้นชื่อ ที่มีชื่อเสียงอันโด่งดังไปทั่วเมืองฟุกุโอกะ โดยร้านจะตั้งอยู่ในศูนย์การค้า ฮากาตะเดย์ทอส โดยจุดเด่นของร้านนี้นอกจากน้ำซุปแล้วก็ยังมีตัวเส้นที่จะใช้เป็นเส้นเล็กเรียวยาว ส่วนเมนูแนะนำของทางร้านก็จะมี 2 แบบ โดยเมนูแรกจะเป็น Shin Shin Ramen ที่ขายในราคา 650 เยน เท่านั้น นอกจากนี้อีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจคือ Kankimu Ramen ในราคา 850 บาท และ ราเมนที่อัดแน่นท็อปปิ้งแบบจัดหนักจัดเต็มจะอยู่ที่ราคา 930 เยน เท่านั้น
ร้าน Nadai Ramentei
- สำหรับร้านนี้จะเป็นร้านราเมงในตำนาน ที่เปิดร้านมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1967 โดยขยายมาเปิดสาขาเพิ่มเติมที่ สถานีฮากาตะ จึงเป็นร้านราเม็งอีกหนึ่งร้านที่ไม่ควรพลาด สำหรับราคาเริ่มต้นของราเมงที่นี่ ก็จะอยู่ในระดับราคาที่สูงกว่าปกติด้วย ส่วนราเมงของที่นี่ก็จะมีราคา 430 เยนเท่านั้น
สรุป
เป็นยังไงกันบ้างครับ หลังจากที่เราชี้เป้าไปแล้วร้านราเมงที่ไม่ควรพลาดกันไปแล้ว หวังว่าทุกท่านจะชืนชอบบทความ 10 ร้านราเมงรสเด็ด ของเมืองฟุกุโอกะ เรื่องนี่ กันทุกท่านนะครับ ส่วนในครั้งหน้าจะบทความเรื่องอะไรนั้น เรียกได้ว่าห้ามพลาดกันเลย ส่วนในวันนี้เราก็ต้องขอตัวลาทุก ๆ ท่านไปก่อน แล้วกลับมาพบกันใหม่ในบทความครั้งหน้านะครับ สวัสดีครับ