สำหรับใครที่ได้อ่านบทความเรื่อง Matsusaka Beef ของเราในครั้งก่อนไปแล้ว ก็อย่างที่สัญญากันไว้ว่าเราจะพาทุกท่านไปพบกับ วัว Wagyu อีกหนึ่งประเภทที่พูดชื่อแล้วใคร ๆ ก็รู้จัก อย่าง Kobe Beef หนึ่งในสายพันธุ์ Wagyu สุดขึ้นชื่อ ที่ควรต้องลองสักครั้งในชีวิต ที่เราได้นำข้อมูล และ สาระหน้ารู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับเนื้อโกเบ ที่คนรักเนื้อต่างก็อยากรู้กันว่า ทำไมถึงโด่งดัง และ ทำไมถึงเป็นเนื้อวัวชั้นเลิศที่รสชาติที่จดจำไม่รู้ลืมได้เช่นนี้ และ สำหรับท่านผู้ชมท่านใดที่ยังไม่เคยสัมผัสถึงรสชาติของเนื้อโกเบ โดยจุดเด่นอย่างแรกของเนื้อโกเบที่ใคร ๆ หลายคนต้องเอ่ยถึงเลย คือเรื่องของความนุ่มกับรสชาติที่หวาน และ ปริมาณไขมันแทรกที่เยอะมาก ๆ จนถูกยกให้เป็นเนื้อวัวที่หรูหราที่สุด และ ก่อนที่จะไปลิ้มลองกันสักครั้งในชีวิต ก็มาทำความรู้จักที่มาที่ไปของ วัวสายพันธุ์โกเบกันก่อนเลย ที่เราจะพาทุกท่านไปชมตั้งแต่จุดเริ่มต้น กระบวนการเลี้ยงดู และ สาเหตุหลักของความอร่อยกัน ถ้าพร้อมแล้วเราไปรับชมกันเลย
เนื้อโกเบ คืออะไร
เนื้อโกเบ หรือ Kobe Beef ที่ในภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่า “ โกเบกิว “ เป็นการนำผลผลิตจากวัวทาจิมะ สายพันธุ์ขนดำสุดขึ้นชื่อของญี่ปุ่น ที่เลี้ยงอยู่ในเมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโก ของประเทศญี่ปุ่น นับว่าเป็นหนึ่งในสามของวัวชั้นดีจากประเทศญี่ปุ่นที่เรได้กล่าวไว้ในบทความครั้งก่อน ซึ่งเดิมทีผู้คนในแทบนี้ก็จะเลี้ยงวัวเพื่อใช้ในการเกษตรเพียงอย่างเดียวแต่พอมีอิทธิพลตะวันตกเข้ามาก็เริ่มที่จะนำเนื้อวัวมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการรับประทานอาหารกันมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าแค่การนำวัวทาจิมะมาเลี้ยงในพื้นที่อย่างเดียวไม่สามารถทำเนื้อวัวไปถึงคุณภาพที่สูงจนโด่งดังไปทั่วโลกได้ และ ฟาร์มโคขุนจากโกเบก็มีกระบวนการกับขั้นตอนในการเลี้ยงดูที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สืบทอดกันมา แถมสูตรอาหารเองก็ยังใช้เป็นสูตรพิเศษด้วย และ อย่างที่ทราบกันว่าวัววากิวถ้าอยากให้เนื้ออร่อยนั้นจะต้องทำให้วัวมีความสุขในทุกวัน ซึ่งผู้คนจากโกเบนั้นจะมีวิธีการอย่างไรที่ทำให้เนื้อวัวของเขามีรสชาติที่ทำให้ผู้คนจดจำไม่รู้ลืมจนกลายเป็นที่กล่าวงถึงไปทั่วทุกที่ เราไปรับชมกันเลยครับ
สำหรับข้อแรกของการเลี้ยงดูที่ทุกฟาร์ม Wagyu จะมีเลยคือความรัก ที่มักจะเลี้ยงดูวัวตัวเองด้วยความรักที่ว่ากันว่าดูแลเอาใจกันยิ่งกว่าเป็นลูกเสียอีก ซึ่งวัวทาจิมะจาก ฟาร์มในโกเบทุกแห่งหนจึงมีรูปร่างหน้าตาที่อุดมสมบูรณ์และดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขตลอดเวลา เพราะผู้เลี้ยงนั้นจะจัดสรรค์เวลาให้ออกมาเดินเล่นยืดเส้นยืดสายหากินยากันในช่วงเช้า แล้ว กลับไปอัดอาหารที่เสริมกากและใยตลอดทั้งวันเพื่อให้ได้รับสารอาหารเปลี่ยนเป็นเนื้อกับไขมันได้อย่างเต็มเปลี่ยน ต่อมาในช่วงเย็นก็จะเป็นการนวดผ่อนคลายท่ามกลางเสียงเพลงอันไพเราะที่จะช่วยเพิ่มความเพลิดเพลินให้กับวัวได้ทั้งฟาร์ม รวมไปถึงสภาพอากาศของภูมิภาคโกเบที่เป็นสิ่งที่เลียนแบบได้ยากเพราะจะมีอาการเย็นเกือบตลอดทั้งปี แถมวัตถุดิบที่ใช้มาเป็นอาหารให้กับวัวนั้นยังเป็นวัตถุดิบสุดหายากที่ส่วนมากจะหาได้เฉพาะในพื้นที่เท่านั้น ซึ่งสิ่งที่เราแอบรู้มาเลยก็คือแม้กระทั่งน้ำดื่มที่ให้วัวที่นี่ดื่มยังเป็นน้ำแร่ธรรมชาติเลย และ สูตรลับเฉพาะอีกมากมายที่ผู้เลี้ยงฟาร์มต่าง ๆ ไม่ยอมเปิดเผย
จึงเป็นที่มาของรสชาติสุดหวานหอมของเนื้อโกเบที่ดูจะหวานมากกว่าใครเพื่อน แถมตัวไขมันแทรกในเนื้อก็มีขนาดที่ใหญ่และอยู่เต็มทุกพื้นที่ของเนื้อที่จะดูเยอะมากกว่าที่อื่น ๆ ซึ่งตัวไขมันแทรกที่เรียกว่า Marbling หรือ ที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ซาชิ นี้เองที่จะเป็นตัวชี้วัดในเรื่องของคุณภาพเกรดของเนื้อวัว ซึ่งวัววากิวสายพันธุ์ขนดำจากโกเบก็สามารถทำออกมาได้ดีมากที่สุดในทุก ๆ ปี เนื่องด้วยคุณสมบัติของวันสายพันธุ์คุเระเกะนั้นมีพันธุกรรมที่ทำให้รสชาติเนื้อของตัวเองนั้นโดดเด่นมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ตั้งแต่ในเรื่องของปริมาณไขมันแทรก สีของเนื้อ ความนุ่มและความหนาของเนื้อ รวมไปถึงรสชาติที่ดีมาตั้งแต่ดั้งเดิม บวกกับการที่นำมาเลี้ยงในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทและเย็นตลอดทั้งปีอย่างเมืองโกเบ ด้วยวิธีการเลี้ยงดูด้วยความรักตลอดอายุของมัน แม้แต่เวลาการเชือดเองก็จะทำด้วยวิธีการพิเศษที่จะไม่ให้วัวรู้สึกกลัวหรือตื่นตกใจเลย เพราะถ้าเชือดไม่ดีจนวัวเกิดความเครียดก่อนที่จะสิ้นใจนั้นอาจจะทำให้รสชาติที่ตั้งจำทำออกมานั้นมีคุณภาพไม่ตรงตามที่ต้องการได้ จึงเป็นเหตุให้เนื้อโกเบมีรสชาติที่อร่อยหวานหอมจนไม่ต้องเพิ่งการปรุงหรือน้ำจิ้มแม้แต่น้อย
- สำหรับเกรดของเนื้อโกเบนั้นก็จะแบ่งออกเป็น 12 ระดับ เหมือนกับเนื้อวากิวจากที่อื่น ๆ แต่ส่วนมากจะเริ่มต้นที่ A4 ไปจนถึง A5 จะเป็นเกรดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะ ไม่ค่อยมีเนื้อวัวจากประเทศอื่น ๆ ดันเกรดขึ้นมาถึงระดับนี้ได้มากเท่าไร เนื่องจากหลาย ๆ ปัจจัยที่ไม่สามารถทำเหมือนที่ประเทศญี่ปุ่นได้ จึงทำให้เนื้อวัวจากญี่ปุ่นอย่าง Kobe Beef มีราคาที่สูงและไม่มีทีถ้าว่าจะตกลงมาบ้างเลย
ราคา
- A5 จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 7,800 บาท
- A4 จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 6,800 บาท
- เนื้อโกเบ A5 สันไหล่ Chuck roll จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 7,000-8,500 บาท
- เนื้อโกเบ A5 สันนอก Striploin จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 7,800-9,500 บาท
- เนื้อโกเบ A5 สันใน Tenderloin จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 7,800-10,000 บาท
- เนื้อโกเบ A5 สันแหลม Rib eye จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 8,900-11,000 บาท
สรุป
สำหรับเนื้อวากิวของแต่ละพื้นที่นั้น ก็จะมีรสชาติที่แตกต่างกันออกไป แต่ในเรื่องของคุณภาพเกรดนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเนื้อวากิวก็จะสามารถดันเกรดขึ้นไปถึงระดับ A4 A5 ได้ทุกพื้นที่ แต่พื้นที่ที่โดดเด่นและมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนเป็นที่กล่าวถึงมากที่สุด ก็ต้องยกให้กับ เนื้อวากิวจากโกเบ และ มัตสึซากะ ืที่ถามใครใคร ก็จะยกให้ 2 ชื่อนี้มาเสมอแบบที่กินกันไม่ลงตัดสินไม่ได้ว่าใครดีกว่ากัน และ ถ้าอยากรู้ว่าเนื้อ Kobe นั้นเป็นของแท้จริงไหมให้ดูที่ตราประทับรูป ดอกเก๊กฮวยญี่ปุ่น ที่เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดเฮียวโงะ ถ้าเกิดว่ามีตราประทับนี้ก็มั่นใจได้เลยว่าของแท้แน่นอน ส่วนในวันนี้ก็ต้องขอตัวลาไปก่อน และ หวังว่าบทความ Kobe Beef หนึ่งในสายพันธุ์ Wagyu สุดขึ้นชื่อ ที่ควรต้องลองสักครั้งในชีวิต ของเราเรื่องนี้ จะถูกอกถูกใจผู้อ่านทุกท่านนะครับ ส่วนถ้าหากท่านใดที่ต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่น หรือ การรับประทานเนื้อวากิว สไตล์ญี่ปุ่นในรูปแบบต่าง ๆ ก็สามารถติดตามผลงานของเราเรื่องต่อ ๆ ไปได้จาก ของเราด้านนี้เลย สวัสดีครับ bluewolf-japan